วาเลนไทน์ ‘คึกคัก’ ดอกไม้ราคาพุ่ง 3 เท่า!

วาเลนไทน์ ‘คึกคัก’ ดอกไม้ราคาพุ่ง 3 เท่า!

ยอดขายดอกไม้วาเลนไทม์ลดลง 30 % เหตุราคาพุ่งขึ้น 2-3 เท่าตัว ร้านค้าไม่กล้าสั่งมาก เน้นสั่งตามออเดอร์ แต่เชื่อปีนี้บรรยากาศจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมาๆ เพราะสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่คนซื้อคงจะระมัดระวัง ซื้อไม่มาก เพราะพิษเศรษฐกิจด้วย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านจำหน่ายดอกไม้ เนื่องในเทศกาลวาเลนไทม์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถือเป็นปีแรกในรอบ 3 ปี ที่สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด ทั้งนี้ จากการสำรวจร้านจำหน่ายดอกไม้ทั้งร้านเล็กๆ และร้านใหญ่ๆ ในเขตเทศบาลนครตรัง โดยพบว่าต่างเร่งสั่งดอกไม้มาจัดเตรียมไว้โดยประมาณการณ์ตามจำนวนลูกค้าเดิม โดยลดการสั่งมาเผื่อไว้ ทำยอดสั่งซื้อดอกไม้ลดลงประมาณ 30% แม้จะเชื่อว่าบรรยากาศเทศกาลวาเลนไทม์ปีนี้จะคึกคักกว่าปีที่ผ่านๆมาก็ตาม แต่คนจะซื้อในปริมาณที่น้อยลง

นางสาวนุชนาถ แก้วกลาง อายุ 38 ปี เจ้าของร้านดอกไม้อมรรัตน์ บอกว่า ในปีนี้ตนเองสั่งดอกไม้ลดลงประมาณ 30% จากเดิมเคยสั่งตามออเดอร์และสั่งมาสำรองไว้จำนวนมาก แต่ในปีนี้เน้นสั่งดอกไม้ตามออเดอร์ของลูกค้าที่สั่งมาล่วงหน้า และสั่งมาสำรองเอาไว้เพียงเล็กน้อย โดยเน้นขายตามออเดอร์มากกว่า เพราะราคาดอกไม้ปีนี้พุ่งขึ้นประมาณ 2-3 เท่าตัว นับจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาดอกไม้พุ่งขึ้นจากเดิมมัดหรือกำละ 100-200 บาท ซึ่งเป็นดอกไม้จากทางภาคเหนือ และปากคลองตลาด เช่น จากปีก่อนเคยขายดอกละ 15 บาท ปีนี้ต้องขายดอกละ 20 บาท

  • กุหลาบไทยสีแดง มัดละ 50 ดอก จากเดิมมัดละ 600 -700 บาท เป็น 800 บาท
  • กุหลาบไทยสีชมพู มัดละ 50 ดอก จากเดิมราคา 500 -600 บาท เป็นราคามัดละ 700 บาท
  • กุหลาบเชียงใหม่สีแดงและสีขาว มัดละ 50 ดอก จากเดิมราคา 800 บาท เป็นมัดละ 1,000 บาท
  • ส่วนดอกไม้จากประเทศจีนไม่ค่อยปรับราคา เช่น กุหลาบจีนสีแดง มัดละ 20 ดอก ราคา1,500 บาท

 ส่วนสาเหตุที่ดอกไม้แพงทราบว่าปีนี้สภาพอากาศหนาวจัดทำให้ดอกไม้ออกน้อยกว่าปกติ ปุ๋ยแพง การขนส่งแพง ทำให้ราคาพุ่งขึ้น ทางร้านจึงสั่งดอกไม้ลดลงประมาณ 30% โดยเน้นขายเป็นช่อดอกไม้ตามออเดอร์ รับทำตั้งแต่ช่อละ 300 บาท จนถึงช่อละ 2,000 -3,000 บาท แต่ในปีนี้มีออเดอร์ช่อละ 3,500 บาทมา 1 ช่อ โดยราคาขายตนเองไม่ได้ปรับราคาขึ้น เพียงแต่ปรับจำนวนดอกลดลง เพื่อพอให้ขายได้ ส่วนขายปลีกเป็นดอกจะไม่เน้นมาก เพราะราคาแพง เชื่อคนมาซื้อคักคัก แต่ลดจำนวนดอกลงเช่นกัน ส่วนเด็กนักเรียน นักศึกษาปีนี้ก็คาดว่าจะน้อย ซึ่งเมื่อสั่งมาก็นำเข้าห้องแอร์เพื่อรักษาคุณภาพของดอกไม้ไว้ เนื่องจากสภาพอากาศด้านนอกร้อนจัดมาก 

เช่นเดียวกับร้านอื่นๆ แม่ค้าก็บอกว่า ปีนี้สั่งดอกไม้มาจำหน่ายน้อยลงมาก เพราะไม่อยากเสี่ยง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีด้วย ดอกไม้มีราคาแพง เช่น

  • กุหลาบแดงดอกใหญ่จากเดิมดอกละ 30-40 บาท ปรับเป็นดอกละ 50 บาท
  • กุหลาบสีขาวดอกใหญ่จากเดิมดอกละ 50 -80 บาท ปีนี้ปรับเป็นดอกละ 100 บาท

ทำให้ไม่กล้าสั่งซื้อมาขายมาก เพราะเศรษฐกิจไม่พื้นที่ก็ไม่ดี และเพิ่งจะปลดล็อก แม้จะเชื่อว่าปีนี้บรรยากาศวาเลนไทม์น่าจะดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงสั่งมาขายมาก

ขณะที่ร้านบุหงา ออคิด ธุรกิจร้านดอกไม้ครบวงจรรายใหญ่ในจ.ตรัง ก็พบว่ามีการประดับตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม สีสันสดใสรับลูกค้าที่จะมาซื้อดอกไม้ รวมทั้งมีการจัดสถานที่ให้นั่งพักผ่อนถ่ายรูประหว่างรอด้วย ส่วนพนักงานของร้านซึ่งมีประมาณ 10 คน ก็เร่งจัดช่อดอกไม้ไว้เตรียมรับลูกค้า และจดรับออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งเข้ามาไม่ขาดสาย
      โดยนางกานต์ธิดา ชูสุข เป็นเจ้าของร้าน บอกว่า ปีนี้เชื่อว่าบรรยากาศจะคึกคักมากกว่าทุกปี โดยทางร้านได้จัดเตรียมดอกไม้ไว้จำนวนมาก โดยยอมรับราคาดอกไม้ปีนี้มีการปรับตัวสูงขึ้นมากประมาณ 2-3 เท่าตัว เช่น จากเดิมดอกละ 10 -20 บาท ปรับเป็นดอกละ 20 -30 บาท เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้ผลผลิตออกน้อย ราคาไม่ได้มาปรับตอนเทศกาลวาเลนไทม์นี้ แต่ปรับมาต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่วนตัวเน้นพยายามขายคงราคาเดิมเหมือนปีที่แล้วไว้ เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนได้ร่วมฉลองเทศกาลวาเลนไทม์ส่งความรักให้แก่กัน ไม่ได้เน้นด้านราคา ซึ่งดอกไม้ส่วนใหญ่สั่งมาจากภาคเหนือ รวมทั้งโครงการหลวง ส่วนตัวคิดว่าราคาดอกไม้แพง ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือและอุดหนุนเกษตรกรให้ได้ขายสินค้าเกษตรราคาดีไปด้วย เพราะสินค้าเกษตรมีไม่กี่ตัวที่ทำให้เกษตรมีรายได้ดี โดยกุหลาบก็สินค้าเกษตรอีกชนิดหนึ่ง และปีนี้ความต้องการสูง เพราะนักท่องเที่ยวก็เข้ามา โดยออเดอร์ปีนี้เยอะกว่าปีที่ผ่านมาๆ และปีนี้วันวาเลนไทม์ตรงกับวันทำงาน นร.นศ.ก็มาเรียน เชื่อว่าบรรยากาศจะต้องคึกคัก พร้อมกันนั้นทางร้านได้จัดเตรียมดอกไม้ไว้ สำหรับน้องๆหนูๆ ที่อยากเอาดอกไม้มอบให้คุณครู ผู้ปกครองด้วย หากมาที่ร้านแต่ไม่มีเงินซื้อ ก็ไม่เป็นไร ทางร้านจัดเตรียมไว้มอบให้ อยากให้ได้ดอกไม้กลับไป