หอการค้าไทย-จีน คาดเวที WCEC ดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าไทยกว่าหมื่นล้านบาท
หอการค้าไทย-จีน ประกาศความพร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมนักธุรกิจจีนโลก 24-26 มิ.ย.นี้ เผย มีผู้ร่วมงานกว่า 4,000 คน คาดเงินสะพัดกว่า 400-500 ล้านบาท ดึงเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายกว่าหมื่นล้านบาท เผยไทยเป็นประเทศเป้าหมายอันดับแรกการลงทุนจีน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานแถลงข่าวจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก(WCEC)ครั้งที่16 โดยกล่าวว่า เป็นโอกาสดีของไทยที่มีโอกาสเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักธุรกิจชาวจีนจากทุกมุมโลก คาดการณ์กว่า 4,000 คน จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างประเทศของไทยในอนาคต ซึ่งหอการค้าไทย-จีน ถือเป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งมีส่วนสำคัญพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการลงทุน เป็นกลไกที่มีศักยภาพ สร้างสรรค์เศรษฐกิจการค้าของไทยให้ดีขึ้นตลอดมา ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญประสานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน เพราะจีนไทยไม่ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน เมืองไทยมีนักธุรกิจเชื้อสายจีนจำนวนมากมีส่วนสำคัญพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยาวนานจนถึงวันนี้
นายหาน จื้อเจียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นเวทีที่นักธุรกิจจีนทั่วโลกจะได้มาค้นหาโอกาสใหม่ๆด้านธุรกิจหลังโควิด ซึ่งการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลกจัดประชุมครั้งแรกเมื่อ คศ.1991 และจัดประชุมทุกๆ 2 ปี ล่าสุดครั้งที่ 15 จัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 2562 แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การจัดประชุมเว้นว่างเป็นเวลาถึง 4 ปี และครั้งนี้ได้กลับมาประชุมในประเทศไทยในรอบ 28 ปี ถือเป็นการประชุมครั้งแรกสำหรับนักธุรกิจจีนโลกที่จะก้าวไปสู่ยุคใหม่ ซึ่งเชื่อมั่นว่า การประชุมนี้จะประสบความสำเร็จและช่วยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้
ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและเป็นประเทศที่มีนักธุรกิจชาวจีนอาศัยมากที่สุด มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีความร่วมมืออย่างกว้างขวางกับจีนทั้งด้านอุตสาหกรรม พาณิชย์ เกษตร เทคโนโลยี พลังงาน และการท่องเที่ยว
ปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการเชื่อมโยงในเชิงลึกระหว่างไทยแลนด์ 4.0 เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี และหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง BRI รวมถึงการเชื่อมโยงโอกาสจากการพัฒนาอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกงและมาเก๊า การพัฒนาเขตการค้าเสรีไห่หนาน ระเบียงเศรษฐกิจปักกิ่ง เทียนสิน เหอเป่ยและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง นอกจากนี้ยังมีอาร์เซ็ป ทำให้ไทยกลายเป็นตัวเลือกลำดับแรกสำหรับการลงทุนของนักลงทุนชาวจีนด้วยข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าประเทศอื่น
"