NEX โชว์หัวลากไฟฟ้าลดต้นทุนเชื้อเพลิง 68%

NEX โชว์หัวลากไฟฟ้าลดต้นทุนเชื้อเพลิง 68%

NEX โชว์หัวลากไฟฟ้าลดต้นทุนเชื้อเพลิงมากถึง 68% ชี้เทรนด์รถ EV พุ่งต่อเนื่อง รัฐ-เอกชน ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ จ่อเปลี่ยนใช้แทนรถพลังงานน้ำมัน

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX  เปิดเผยว่า จากนโยบายของภาครัฐที่มีการสนับสนุนให้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ซึ่งตอบโจทย์เรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะรถ EV เป็นรถพลังงานสะอาดไม่สร้างมลพิษ ส่งผลให้กระแสการใช้รถ EV เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความต้องการเปลี่ยนการใช้รถในการขนส่งสินค้าเป็นรถ EV แทนการใช้รถน้ำมัน

อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ในอนาคตอันใกล้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในภาคการขนส่งที่เปลี่ยนมาใช้รถ EV เพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากนี้ความต้องการยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรมแล้ว ยังสะท้อนได้จากข้อมูลของลูกค้าที่นำรถหัวลากไฟฟ้า NEX ไปใช้พบว่ายังช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงลงได้มากกว่าการใช้น้ำมันของเครื่องยนต์ดีเซลถึง 68% อีกทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 585 ตันต่อปี

ขณะเดียวกันยังได้รับข้อมูลว่าหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนหลายแห่งมีแผนในการปรับเปลี่ยนการใช้รถ EV แทนรถน้ำมัน เพื่อตอบสนองนโยบายและแผนในการขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และสนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ตามเป้าหมาย ภายในปี ค.ศ.2050  อาทิ รถบัสโดยสารรับ-ส่งพนักงาน  รถตู้ เป็นต้น ซึ่งอาจจะเปลี่ยนใน 2 ลักษณะ คือ การซื้อขาด และการเช่าเหมาแบบรายเดือน

“ตอนนี้ทางบริษัท อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะการร่วมมือกับพันธมิตรในการเปิดโชว์รูมจัดจำหน่าย และให้บริการบำรุงรักษาแบบครบวงจรจำนวน 15 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2566  ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้รถ EV ได้อย่างแน่นอน”

ด้าน นายมะโน ปราชญาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและบริการวิชาการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน  วิทยาลัยโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน  มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มร.สส.) กล่าวว่า จากข้อมูลการศึกษาและวิเคราะห์การใช้รถยนต์ในภาคธุรกิจขนส่งพบว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นสาเหตุของการก่อมลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 ที่ขณะนี้กลับมาวิกฤติหนักกว่าเดิม

ส่งผลให้ขณะนี้ภาคธุรกิจต่างๆ หันมาให้ความสำคัญเรื่องกรีนโลจิสติกส์มากขึ้น โดยหลายบริษัทเริ่มตื่นตัวในการนำยานยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้ ทั้งรถบรรทุก EV รถหัวลาก EV รถโดยสาร EV ซึ่งไม่ใช่แค่กิจกรรมที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร หรือ CSR เหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นการนำมาสู่แนวคิดการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การใช้รถ EV เป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์