ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท อสังหาริมทรัพย์ เวียดนาม บูมรับท่องเที่ยวหลังโควิด-19
ทูตพาณิชย์ ฮานอย เผย เวียดนามวาง ยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว ถึงปี2573 ดึงท่องเที่ยว ลงทุนเข้าเวียดนาม ชี้ โอกาสนักลงทุนไทยขยายการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เผย นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเวียดนามปี 65 กว่า 100 ล้านคน
ภาคการท่องเที่ยว ถือเป็นอีกเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของหลายประเทศ ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดชะงัก จากการมาตราปิดประเทศ สายการบินต่างๆหยุดเที่ยวบิน ส่งผลให้ภาคบริการทั้งโรงแรม รีสอร์ท อสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบเป็นห่วงโซ่ แต่ภายหลังโควิด-19 คลี่คลาย มีการเปิดประเทศ เปิดการท่องเที่ยว ทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาคักคักแม้จะยังไม่ถึงกับเป็นปกติมากนักก็ตาม
ประเทศเวียดนามถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งภายหลังจากการเปิดประเทศภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายงานจากเว็บไซต์ VietnamNews เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2566 รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Savills Vietnam ระบุว่า การ ฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศถือเป็น แรงผลักดันสำหรับตลาดโรงแรมให้มีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น ด้วยการปรับปรุง ทั้งอัตราการเข้าพักสำนักงานสถิติทั่วไประบุว่า ในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 101.3 ล้านคน ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติ 3.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่คิดเป็น 3 % ของนักท่องเที่ยวเวียดนาม เพิ่มขึ้นจาก 0.4% ในปี2564 แต่ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 17% เหมือนก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวเกาหลีคิดเป็น 26% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา 9% อินเดียเป็นตลาดเกิดใหม่ 3%
กรุงฮานอยมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมากที่สุด 18.7 ล้านคน เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้10 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวในประเทศมีจำนวนถึง 17.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 330 % และนักท่องเที่ยวต่างชาติ1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 650% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การกลับมาเปิดเที่ยวบินระหว่าง เวียดนามและจีนอีกครั้งในสิ้นเดือนเมหรือพ.ค. 2566 คาดว่า จะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรมอย่างมาก นอกจาก นักท่องเที่ยวแล้ว อุตสาหกรรมโรงแรมยังเห็นความต้องการสูงจากผู้ที่เดินทางมาทำงานและนักลงทุนต่างชาติในปี2566 ตลาดเวียดนามจะมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเข้าสู่ช่วงการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยกิจกรรมการ ลงทุนต่างๆ นักลงทุนต่างชาติมักจะนิยมอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงฮานอย และจังหวัดที่ใกล้เคียง เช่น บั๊กนิญ (Bac Ninh) และไฮฟอง (Hai Phong)
ในไตรมาสที่ 4 ของปี2565 อัตราการเข้าพักของโรงแรมระดับ 3 ดาวในกรุงฮานอยสูงถึง49% ซึ่งเพิ่มขึ้น 22 % จากปีก่อน อัตราโรงแรม 5 ดาวเพิ่มขึ้น 60% ราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 ล้านด่ง เพิ่มขึ้น 15 % เมื่อเทียบ กับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับ ทั้งปี2565 อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น 39 % และราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2ล้านด่ง เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในปี2566 ในกรุงฮานอยจะมีโครงการโรงแรมใหม่ 8 โครงการ ซึ่งสามารถให้บริการห้องพักได้ทั้งหมดประมาณ 1,300 ห้อง คาดการณ์ว่า ในปี2567 และในอนาคต จะมีโครงการใหม่เพิ่มอีก 60 โครงการและห้องพัก 10,300 ห้อง จากผู้ประกอบการต่างประเทศ ได้แก่ Four Seasons, Lotte, Dusit, Wink, Accor, The Shilla, Hyatt, Marriott และ Hilton นอกจากนี้โรงแรมระดับ 5 ดาว Hilton Hanoi Opera จะปิดปรับปรุงชั่วคราวและเปิดตัวอีกครั้งด้วย
แบรนด์Waldorf Astoria มองว่า จากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า รายได้จากอุตสาหกรรมโรงแรม ของเวียดนามจะเติบโตที่ 7% ต่อปีและรายจ่ายเฉลี่ยต่อคนคาดว่าจะสูงถึง 158 ดอลลาร์ ภายในปี2570 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.3% ต่อปีรายได้จากอุตสาหกรรมโรงแรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะฟื้นตัวในปี2566 เมื่อนักท่องเที่ยวจีนกลับมา
นาง โด๋ ทู หั่ง (Do Thu Hang) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยและปรึกษาของ Savills Hanoi ได้กล่าวว่า นักลงทุนจำเป็น เตรียมความพร้อม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูท่องเที่ยว เพิ่มตัวเลือกสำหรับที่พักมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ จะต้องกำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานที่เหมาะสม เพื่อสร้างและปรับปรุงโครงการเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของนักลงทุนควร นำไปใช้เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย กล่าวว่า ด้วยยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยว ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามายังเวียดนามเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้รัฐบาล เวียดนามได้ประกาศใช้ยุทธศาสตร์และแผนการพัฒนาอย่างรอบด้านสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวจนถึงปี 2573 โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ การให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ทระดับ 4 – 5 ดาว และยกระดับให้มีมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มสัดส่วน ของสถานประกอบการที่พักที่ได้มาตรฐานระดับสากล โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียง จากนโยบายพัฒนาเขต เศรษฐกิจพิเศษ ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมที่พักอาศัยตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตตามไปด้วย ซึ่งรัฐบาลเวียดนาม เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติในภาคธุรกิจดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการ ท่องเที่ยวและโรงแรม
หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับการออกแบบ ประสบการณ์ของลูกค้า และคุณภาพการ บริการมากขึ้น แทนที่จะเน้นเพียงการพัฒนาขนาดโครงการเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะตลาดเวียดนามต้องการ สินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น รูปแบบรีสอร์ทที่มีสุขภาพ (wellness resort) รีสอร์ทที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิง เช่น บีชคลับ (beach club) กิจกรรมกีฬาผาดโผน ฯลฯ รูปแบบ Poshtel (รูปแบบการเข้าพักที่มุ่งเป้าไปที่ลูกค้าวัยหนุ่มสาว) รีสอร์ท ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัย (senior living) รูปแบบ co-living และอพาร์ตเมนต์คุณภาพ ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำหรับนักลงทุนและ ผู้ประกอบการไทยในการขยายการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในเวียดนาม