เปิดเส้นทาง ‘ไฮสปีดเทรน’ ภาคเหนือ ลุ้นรัฐบาลใหม่เคาะตอกเสาเข็ม
“กรมการขนส่งทางราง” เคาะแผนพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ ช่วงกรุงเทพฯ - พิษณุโลก หลังหารือร่วมญี่ปุ่นชี้คุ้มค่าลงทุนผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูง 17.3% เตรียมชง ครม.ชุดใหม่ดันตอกเสาเข็ม
Key Points
- ไฮสปีดเทรนสายเหนือ เคาะสร้างเฟสแรกถึงพิษณุโลก
- ผลศึกษาชี้ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าเกณฑ์
- ‘กรมราง’ รอเสนอรัฐบาลชุดใหม่ดันตอกเสาเข็ม
- ผลักดันต่อเนื่อง 6 โครงการ ระยะทางรวม 1,993 กิโลเมตร
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยถึงแผนผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ช่วงกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ภายใต้ความร่วมมือด้านคมนาคมไทยและญี่ปุ่น โดยระบุว่า โครงการดังกล่าวทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (Memorandum of Cooperation : MOC) ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมาผู้แทนทั้งสองประเทศได้หารือความคืบหน้าผลการศึกษาร่วมกัน
โดยขณะนี้ผลการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและการเงินของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ฉบับสมบูรณ์ ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผลประโยชน์ทางตรงและทางอ้อม พบว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – พิษณุโลก มีความคุ้มค่าทางการลงทุน โดยมีผลการศึกษาชี้ชัด อาทิ
- ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ร้อยละ 17.3 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 12
- มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เป็นบวกตลอดระยะเวลาดำเนินการ
อย่างไรก็ดี จากผลการศึกษาดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการลงทุนโครงการเกิดความคุ้มค่าในด้านเศรษฐศาสตร์ โดยเบื้องต้นจากการหารือระหว่างฝ่ายไทยและญี่ปุ่นได้ตกลงร่วมกันในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะแรกในเส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร ส่วนเส้นทางพิษณุโลก-เชียงใหม่ในอนาคต
ทั้งนี้กรมการขนส่งทางรางจะนำเสนอผลการศึกษาทั้งหมดให้กับรัฐบาลเพื่อผลักดันการดำเนินการ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ และแน่นอนว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ถือเป็นโครงการสำคัญที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศไทย
ขณะที่แผนพัฒนาไฮสปีดเทรนของกระทรวงคมนาคม กำหนดไว้ว่าขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม 6 โครงการ ระยะทางรวม 1,993 กิโลเมตร แบ่งเป็น
1.เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก
- ระยะทาง 380 กิโลเมตร
- วงเงินลงทุนประมาณ 2.12 แสนล้านบาท
- สถานะปัจจุบัน กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างสรุปรูปแบบการลงทุน
2.เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย
- ระยะทาง 355 กิโลเมตร
- วงเงินลงทุนประมาณ 2.26 แสนล้านบาท
- สถานะปัจจุบัน ออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการพิจารณา EIA
3. เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน
- ระยะทาง 211 กิโลเมตร
- วงเงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท
- สถานะปัจจุบัน เตรียมของบประมาณปี 2567 เพื่อทบทวนผลการศึกษาเดิม
4.เส้นทางพิษณุโลก-เชียงใหม่
- ระยะทาง 288 กิโลเมตร
- วงเงินลงทุนประมาณ 2.32 แสนล้านบาท
- สถานะปัจจุบัน กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างสรุปรูปแบบการลงทุน
5.เส้นทางหัวหิน-สุราษฎร์ธานี
- ระยะทาง 424 กิโลเมตร
- สถานะปัจจุบัน ของบประมาณปี 2567 เพื่อทบทวนการศึกษาความเหมาะสม
6.เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์
- ระยะทาง 335 กิโลเมตร
- สถานะปัจจุบัน ศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นแล้ว