วอนรัฐ-พรรคการเมือง อย่าปล่อยผู้เลี้ยงหมู สู้กับ “หมูเถื่อน” ตามลำพัง
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ วอนภาครัฐและพรรคการเมือง เร่งปราบ “หมูเถื่อน” ชี้มีขบวนการลักลอบนำเข้าต่อเนื่อง ทำราคาในประเทศตกต่ำ อุปสรรคการฟื้นฟูผลิตเนื้อหมูปลอดภัยของคนไทย ขอดูแลผู้เลี้ยงหมูใกล้ชิดก่อนทยอยเลิกกิจการเพราะแบกขาดทุนสะสมไม่ไหว
นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าวว่า ไทยเจอปัญหา “หมูเถื่อน” มานานกว่า 1 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถปราบปรามได้อย่างเด็ดขาด และไม่สามารถดำเนินคดีลงโทษสูงสุดกับขนวนการลักลอบนำเข้าได้ ทำให้หมูเถื่อนยังคงเป็นปัญหาให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
จึงขอฝากพรรคการเมืองที่ลงพื้นที่หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งขณะนี้ ให้กำหนดแผนการเร่งปราบปรามหมูเถื่อนเป็น 1 ในแนวทางส่งเสริมการเลี้ยงหมูและรักษาเสถียรภาพราคาในระยะยาว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรภาคปศุสัตว์ เพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพอย่างยั่งยืน และเดินหน้าการผลิตได้อย่างต่อเนื่องเพราะผู้เลี้ยงหมูมีอาชีพเดียว ไม่มีทางเลือกเหมือนอาชีพอื่น
“ขอเรียกร้องภาครัฐและพรรคการเมือง แทนพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทุกคน อย่าปล่อยให้พวกเราแก้ปัญหากันเองตามลำพัง เพราะเราไม่มีสรรพกำลังและอำนาจในการจับกุมหมูเถื่อน แต่เป็นผู้รับชะตากรรมจากผลของราคาที่ตกต่ำทุกวันนี้ ที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนมากเร่งฟื้นฟูผลผลิตของตัวเองเพราะมั่นใจในนโยบายรัฐ และหวังจะยืนหยัดในอาชีพ แต่วันนี้เริ่มถอดใจเพราะเห็นราคาที่ขาดทุนอยู่ข้างหน้า” นายสุนทราภรณ์ กล่าว
นายสุนทราภรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ภาครัฐทั้งกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร ตำรวจ ทหาร ร่วมมือกันปราบปรามและจับกุมหมูเถื่อนลักลอบนำเข้าไทยมาได้ของกลางมากกว่า 1 ล้านกิโลกรัม เป็นกำลังใจอย่างดีให้เกษตรกร แต่ยังมีหมูผิดกฎหมายอีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกจับกุม ทำความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมสุกรของไทย ที่สำคัญหมูเถื่อนเหล่านี้ไม่ผ่านการตรวจสารปนเปื้อนและโรคระบาดสัตว์ตามมาตรฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นอันตรายกับต่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคและเป็นพาหะนำโรค อาจจะก่อให้เกิดการระบาดของโรค ASF ซ้ำได้ ภาครัฐจึงจำเป็นต้องกวาดล้างให้หมด ที่สำคัญต้องจับกุมหัวหน้าขบวนการมาลงโทษสูงสุดตามกฎหมาย
ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มตกลงต่อเนื่องจาก 100 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ปัจจุบันเหลือเพียง 80 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่บางพื้นที่เหลือเพียง 76 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น และมีโอกาสที่จะลงไปแตะ 70 บาทได้ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมาดั๊มพ์ราคาหมูไทยมานานกว่า 1 ปี หากสถานการณ์ราคายังคงลดลงต่อเนื่องเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูภาคการผลิตเพราะเกษตรกรขาดความมั่นใจในเสถียรภาพราคา ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดังสูงเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ตั้งแต่ปลายปี 2564 โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมถึงปัจจัยการป้องกันโรคระบาด ทำให้ต้นทุนการผลิตสวนทางกับราคาที่ขายได้
“เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศมีไม่น้อยกว่า 120,000-130,000 ราย และยังมีสมาชิกในครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูรวมแล้วหลายแสนคน หากได้รับการใส่ใจจากพรรคการเมืองในการแก้ปัญหาหมูเถื่อน และส่งเสริมการผลิตบ้างก็จะเป็นเรื่องดีและเป็นกำลังใจให้มีการเลี้ยงหมูคุณภาพดี ไม่มีสารเร่งเนื้อแดง ให้คนไทยได้บริโภคอย่างปลอดภัยและเพียงพอ” นายสุนทราภรณ์ กล่าว