ซีพีเอฟ ตอกย้ำ “หมูชีวา” คุณภาพพรีเมียม ปลอดยาปฏิชีวนะ 100%

นายสมพร เจิมพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสุกร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า เนื้อหมูที่เลี้ยงโดยปราศจากการใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงมีความต้องการเพิ่มขึ้นในผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ขณะที่เนื้อสัตว์คุณภาพดีระดับพรีเมียมลักษณะนี้ยังเลี้ยงอยู่ในวงจำกัด

 

ไม่ใช่ฟาร์มทั่วไปจะสามารถเลี้ยงได้ทุกฟาร์ม เนื่องจากต้องมีการดูแลอย่างดีตั้งแต่ต้นทางอาหารสัตว์ พันธุ์สัตว์ การจัดทำฟาร์มเลี้ยงระบบปิดตามมาตรฐานสากล ควบคุมอุณหภูมิตลอดระยะเวลาของการเลี้ยง และเลี้ยงตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ให้สัตว์อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี สัตว์มีสุขภาพดี จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยง ตลอดจนโรงชำแหละและจุดจำหน่าย ต้องมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยเคร่งครัด สร้างหลักประกันอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิต 

หมูชีวา เป็นเนื้อหมูคุณภาพพรีเมียม จากการคัดเลือกแม่พันธุ์คุณภาพดีอย่างพิถีพิถัน เลี้ยงในคอกขังรวม (Group Pen Gestation) ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ให้แม่หมูได้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ และหมูขุนที่ได้จากแม่พันธุ์ดังกล่าว จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีปราศจากการใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู ตั้งแต่เกิดจนถึงระยะเวลาสิ้นสุดการเลี้ยง และได้รับอาหารจากธรรมชาติสูตรพิเศษ (Super Feed) มีส่วนผสมของโพรไบโอติก (Probiotic) เมล็ดแฟลกซ์ (Flax Seed) น้ำมันปลาทะเลลึกและสาหร่ายทะเลธรรมชาติที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 สูงกว่าปลาแซลมอนถึง 3 เท่า ปราศจากการใช้สารเร่งการเจริญเติบโต

ปราศจากฮอร์โมนและสารเร่งเนื้อแดง 100% ซึ่งปัจจุบัน หมูชีวา มาจากฟาร์มเลี้ยงในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ถูกพัฒนาให้มีเทคโนโลยีและระบบการเลี้ยงที่เหมาะสมตามมาตรฐานสากล 

“หมูชีวา ของ ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพที่ดีของสัตว์และความปลอดภัยของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต” นายสมพร กล่าว 

 

 

 

นายสมพร กล่าวว่า หมูชีวา ได้การรับรองมาตรฐาน NSF จากประเทศสหรัฐอเมริกา รับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ปราศจากการใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมเนื้อสัตว์ที่ ซีพีเอฟ ทำการวิจัยและพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม ทั้งการพัฒนาสายพันธุ์และอาหารสัตว์ เช่น การนำโพรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีมาผสมในสูตรอาหาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยและดูดซึมอาหารของสัตว์ให้ดีขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มการผลิตเป็น 500 ตัวต่อวัน ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในอนาคต