เกาะสีชัง แล้ง แรกปี 66 กอนช.ประสานทุกหน่วย เร่งลดผลกระทบ

เกาะสีชัง แล้ง แรกปี 66  กอนช.ประสานทุกหน่วย เร่งลดผลกระทบ

กอนช. เร่งลดผลกระทบพื้นที่ประกาศภัยแล้งประเดิมปี 66 ในพื้นที่ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี หลังผู้ว่าฯ จ.ชลบุรี เร่งอัดงบประมาณด่วนลดผลกระทบประชาชน เหตุประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และพื้นที่เกษตร พร้อมมอบ สทนช.ภาค เฝ้าระวัง 4 พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพิ่ม

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงมากขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี ที่หลายพื้นที่อาจเกิดสถานการณ์ขาดแคลนน้ำได้ กอนช. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจากสถานการณ์ล่าสุด พบว่า มีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 1 อำเภอ ใน 1 จังหวัดใน คือ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี

เกาะสีชัง แล้ง แรกปี 66  กอนช.ประสานทุกหน่วย เร่งลดผลกระทบ เกาะสีชัง แล้ง แรกปี 66  กอนช.ประสานทุกหน่วย เร่งลดผลกระทบ

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 โดยเกิดภัยแล้งในพื้นที่หมูที่ 1 – 7 ตำบลท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ส่งผลกระทบกับประชาชนและพื้นที่การเกษตร ขณะนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยเร่งด่วนแล้ว

นอกจากนี้ กอนช.ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยทหาร จังหวัด ท้องถิ่น โครงการชลประทาน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ในพื้นที่เข้าไป

เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

สำหรับความก้าวหน้าในการติดตามสถานการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ด้านอุปโภคบริโภค ในเขตการประปาส่วนภูมิภาค กปภ. 16 สาขา 14 จังหวัด พบว่า มี 1 สาขา เริ่มได้รับผลกระทบแนวโน้มน้ำดิบสำหรับผลิตประปาไม่เพียงพอ คือ สาขาสว่างแดนดิน (หน่วยบริการหนองหาน) อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เนื่องจากแหล่งน้ำต้นทุนหลักคืออ่างเก็บน้ำห้วยทรายน้อย

ขณะนี้ การประปาภูมิภาคสาขาสว่างแดนดิน ได้จัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ 3 แห่ง ได้แก่ หนองเสวย หนองบ่อ  และหนองสระคาม เป็นแหล่งน้ำใช้ผลิตประปา สามารถจ่ายน้ำได้ถึงวันที่ 10 มิถุนายนนี้ โดย สทนช.จะได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ประหยัดการใช้น้ำอย่างต่อเนื่องต่อไป สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ นอกเขต กปภ. หรือ ประปาท้องถิ่น 136 ตำบล 54 อำเภอ 20 จังหวัด พบว่า ยังไม่พบพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด

 

ขณะเดียวกัน สทนช.ยังได้มอบหมายให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1- 4 ประสาน ติดตามสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำเพิ่มเติม จากที่ได้ชี้เป้าพื้นที่เฝ้าระวังไว้เดิม ประกอบด้วย 4 พื้นที่หลัก ซึ่งมีแผนเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ได้แก่

1.พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำผลิตน้ำประปา จำนวน 3 ตำบล 3 อำเภอ  2 จังหวัด ในเขต จ.เชียงราย และ จ.เพชรบูรณ์  องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ได้นำรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายให้กับประชาชนและเติมน้ำในบ่อพักน้ำประปาหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว

2. พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรนอกเขตชลประทาน จำนวน 2 ตำบล 2 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครนายก และจ.ปราจีนบุรี เนื่องจากในช่วงฤดูแล้งมักประสบปัญหาน้ำเค็มทำให้ขาดแคลนน้ำจืดในพื้นที่

ซึ่งกรมชลประทานได้มีการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำนครนายกและแม่น้ำปราจีนบุรี ตามจังหวะน้ำทะเลขึ้นลง เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

3. พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำสำหรับไม้ผลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ จำนวน 6 ตำบล 4 อำเภอ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.จันทบุรี จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ ซึ่ง อบต.ได้นำรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายและเติมน้ำในสระให้กับประชาชน  และ

4. พื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านคุณภาพน้ำ (น้ำเค็ม) ในเขตการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางปะกง และสาขาบางคล้า มีการรับน้ำดิบจากสาขาข้างเคียง จากการประปานครหลวงและจากเอกชน

อย่างไรก็ตาม กอนช. จะยังคงติดตามสถานการณ์น้ำเพื่อเฝ้าระวังผลกระทบจากสถานการณ์ในช่วงแล้งที่ยังเหลืออีกประมาณ 2 เดือนนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำในทุกภาคส่วนอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งหวังให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้น้อยที่สุด.