'เสรีรวมไทย' จี้แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ดึงการลงทุนเข้าประเทศ
"เสรีรวมไทย" ยจี้แก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น แก้ภาพลักษณ์ดึงการลงทุนเข้าประเทศ ผุดไอเดียร์ตัดงบกองทัพโยกงบช่วยเหลือภาคธุรกิจ สตาร์ทอัพ ชี้ขึ้นค่าแรงสูงกระทบเศรษฐกิจภาพรวม
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าฯ นายกษิติ กมลนาวิน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย วัฒนา พรรคเสรีรวมไทย ร่วมเวทีตอบคำถามจากภาคธุรกิจ พร้อมนำเสนอนโยบาย ในงานเสวนา “มุมมองของภาคธุรกิจต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ” ซึ่งจัดขึ้นโดยหอการค้าไทย โดยมีตัวแทนภาคธุรกิจ เอกชน ทั่วประเทศ และตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วม
นายกษิติ กล่าวว่าปัญหาของประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศไม่ใช่เรื่องของการขาดสิทธิประโยชน์ หรือขาดหน่วยงานที่จะมาส่งเสริมการลงทุน เพราะทุกวันนี้มีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว
แต่สาเหตุที่การลงทุนยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจาก การทุจริตคอร์รัปชันซึ่งเป็นสิ่งที่ต่างประเทศท่านเอือมระอา เพราะมีการเรียกรับเงินหลายส่วนในการเข้ามาทำธุรกิจ และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย
ดังนั้น นโยบายของพรรคเสรีรวมไทยเป็นพรรคที่จะปราบปรามเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งถือว่าเป็นนโยบายหลัก
“ปีที่ผ่านมาประเทศไทย ดัชนีคอร์รัปชั่นหรือ CPI ตกต่ำลงอย่างมาก อยู่ที่ 101 ของโลก เราต้องแก้ปัญหาตรงนี้อย่างจริงจังต้องหันมาทำเรื่องอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนอย่างจริงจัง โดยยึดตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี”
ส่วนประเด็นการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติในประเทศไทย กฎหมายนี้มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2542 ตามกฎเกณฑ์ของไอเอ็มเอฟซึ่งไม่จำเป็นพรรคก็ไม่สนับสนุนให้มีการถือครองทรัพย์สินในระยะยาว
ส่วนเรื่องวันสต็อปเซอร์วิสก็เป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินแบบแนวทางใหม่ (NPS) โดยเอาภาคธุรกิจเข้ามาร่วมทำงานด้วยตั้งแต่ต้นเพื่อให้มีการให้บริการที่ถูกต้องตามที่ภาคธุรกิจต้องการจะได้อำนวยความสะดวกให้ตรงจุด ส่วนงบประมาณในการสนับสนุนการทำธุรกิจ และสตาร์ทอัพต่างๆหากสามารถที่จะตัดงบประมาณจากกองทัพซึ่งทุกวันนี้ได้อันดับ 4 ของประเทศออกมาได้ก็จะมีเงินมาใช้ในนโยบายเหล่านี้ได้
สำหรับนโยบายเรื่องค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของไทย อยากให้ข้อมูลว่าทุกววันนี้ค่าแรงที่สูงที่สุดอยู่ที่ 2,907.88 บาท ต่อวัน ซึ่งไทยก็สามารถที่จะขึ้นไปแบบนั้นได้ แต่ค่าจ้างแรงงานที่สูงเกินจริงจะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคเนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ดังนั้นพรรคการเมืองต่างๆพูดแล้วต้องมีความรับผิดชอบด้วย