พาณิชย์ เคาะประกันรายได้ข้าว งวดที่ 25 ชดเชยข้าว 3 ชนิด
พาณิชย์ เคาะโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 25 ชดเชยข้าว 3 ชนิด ข้าวเปลือกเหนียวราคาสูงกว่าราคาประกัน ขณะที่ข้าวหอมมะลิสิ้นสุดฤดูกาล เกษตรกรรับเงิน 5 เม.ย.66
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยสัปดาห์นี้เป็นการประกาศราคางวดที่ 25 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันคาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 25 – 31 มี.ค. 2566
โดยข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 13,577.51 บาท เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 422.49 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,759.84 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 10,903.19 บาท เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 96.81 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 2,420.25 บาท และข้าวเปลือกเจ้า มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 9,922.10 บาท เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 77.90 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 2,337.00 บาท
ส่วนข้าวเปลือกเหนียว มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 12,299.10 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประกันที่ตันละ 12,000 บาท จึงไม่มีส่วนต่างชดเชยในงวดนี้ ขณะที่ข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง เนื่องจากสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว โดยจะจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์งวดที่ 25 ในวันที่ 5 เม.ย. 2566
“ ในงวดที่ 1 - 24 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วกว่า 2.631 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,863.72 ล้านบาท และ การช่วยเหลือไร่ละพันบาท เกษตรกรได้รับเงินแล้วกว่า 4.644 ล้านครัวเรือน วงเงิน 54,020.70 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไป “นายสมทรง กล่าว
สำหรับสถานการณ์การซื้อขายข้าวในตลาดช่วงนี้ ผู้แทนสมาคมค้าข้าวไทยให้ข้อมูลว่า ข้าวเจ้ามีความต้องการค่อนข้างสูง ส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนข้าวชนิดอื่นๆ มีการซื้อขายกันไม่มาก ทำให้ราคาค่อนข้าง จะทรงตัว สำหรับสถานการณ์การส่งออก ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศให้ข้อมูลว่า ปริมาณการส่งออกจนถึงวันที่ 29 มี.ค.2566 สามารถส่งออกข้าวได้แล้วกว่า 2.06 ล้านตัน ด้วยสถานการณ์การขนส่งทางเรือ ที่กลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับค่าเงินบาทที่เริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงประเทศคู่แข่งที่ยังคงมีนโยบายให้เก็บข้าว ไว้บริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้สถานการณ์การส่งออกของไทยเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งการส่งออกในปีนี้คาดว่าอาจจะได้ถึง 8 ล้านตัน โดยประมาณ
สำหรับ การค้าข้าวขณะนี้ เริ่มพบปัญหาการปลอมปนของข้าวพื้นนุ่ม และข้าวพื้นแข็ง จึงขอความร่วมมือเกษตรกร โรงสี ผู้ค้า และหน่วยงานในพื้นที่กำกับดูแลและเพิ่มการตรวจสอบ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการปลอมปนข้าว เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพ และการส่งออกข้าวได้ นอกจากนี้ กรมการค้าภายใน ได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569