อดทนอีกนิด 'สนพ.'เปิด 2 เหตุผล ค่าไฟฟ้าครึ่งปีหลังทะยอยลดลง
"สนพ." เปิด 2 เหตุผลราคาค่าไฟฟ้าครึ่งปี2566 ทะยอยปรับลดลง "กำลังผลิตก๊าซในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น-ราคา LNG โลกลดลง" ระบุคนไทยผ่านจุดที่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้วเมื่อช่วง ม.ค.-เม.ย.2566
Key points
- กำลังผลิตก๊าซอ่าวไทยเพิ่มขึ้น หนุนราคาค่าไฟถูกลง
- ราคา LNG ตลาดโลกลดลง ช่วยลดต้นทุนผลืตไฟฟ้า
- ช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง คาดใช้งบอีก 8 พันล้าน
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า อัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้วในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 ที่แบ่งเป็น 2 อัตรา คือ กลุ่มบ้านอยู่อาศัย เฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย และกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น (ธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ อื่นๆ) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.33 บาทต่อหน่วย
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศได้ทยอยปรับลดลงแล้วตั้งแต่งวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 2566 ที่กลับมาเป็นอัตราเดียว เฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย ส่วนในงวดถัดไป หรือ งวดที่เหลือของปี 2566 นี้ คาดว่าค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ก็จะปรับลดลง ซึ่งปัจจุบันก็ลดลงมามากแล้ว และมีแนวโน้มจะลดลงอีก
ทั้งนี้ เนื่องจากกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณ (G1) ซึ่งตามข้อมูลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ระบุว่า กำลังการผลิตก๊าซฯในเดือน ก.ค.2566 นี้ จะเพิ่มขึ้นจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และเดือน ธ.ค. 2566 จะเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากนั้นในเดือน เม.ย. 2567 จะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตามเงื่อนไขสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC)
“ในเดือน ก.ค. นี้ กำลังการผลิตก๊าซฯจากอ่าวไทยก็จะเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน คลังรับ-จ่าย LNG (เทอร์มินอล) แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ก็สร้างเสร็จแล้ว พร้อมรองรับ LNG เพิ่มขึ้นอีก 7.5 ล้านตันต่อปี ประกอบกับราคา LNG ช่วงนี้ก็อ่อนตัวลง เหลืออยู่ที่ประมาณ 12-13 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากช่วงปลายปี 2565 อยู่ในระดับ 30 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู”
ส่วนแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กับกลุ่มเปราะบาง ประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน รอบที่ 2 นั้น เบื้องต้น อยู่ระหว่างการหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และช่วงนี้ก็เป็นรัฐบาลรักษาการ อาจจะมีเรื่องของงบประมาณกลางต่าง ๆ ก็น่าจะนำมาช่วยเหลือได้ แต่คงต้องพิจารณาวิธีการที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ถ้าจะต้องอุดหนุนในรอบบิล พ.ค.-ส.ค.2566 ก็น่าจะต้องใช้งบประมาณใกล้เคียงกับรอบก่อนประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งก็มีทั้งการใช้งบประมาณกลางและเงินช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่น่าจะนำเข้ามาใช้ในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง หรือ ผู้มีรายได้น้อยได้ โดยในส่วนของบัตรสวัสดิการฯ ก็มีการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 350 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ สนพ. ได้คาดการณ์ แนวโน้มการใช้พลังงานปี 2566 โดยอ้างอิงสมมุติฐานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งคาดว่า ภาพรวมการใช้พลังงานในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 2.8% อยู่ที่ระดับ 2,047 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน การใช้ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน/ลิกไนต์ จะเพิ่มขึ้น 0.7% จากการใช้ถ่านหินนำเข้าที่เพิ่มขึ้น
โดยการใช้น้ำมัน จะเพิ่มขึ้น 4.6% โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเครื่องบิน จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศ และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินจากต่างประเทศ การใช้ก๊าซธรรมชาติ จะเพิ่มขึ้น 1.8% การใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า จะเพิ่มขึ้น 4.4% สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งความต้องการการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น