ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.สูงสุดในรอบ 38 เดือน
ท่องเที่ยวดันดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนเม.ย.66 อยู่ที่ระดับ 55.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่มี.ค.63 ขณะที่ดัชนีหอการค้าไทย ดีขึ้นทุกภาพ และที่ดีสุดในรอบ 64 เดือน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนเม.ย. 2566 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 38 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เป็นต้นมา ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 49.4 52.0 และ 63.6 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ
เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนทั้งการท่องเที่ยวของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นเป็นลำดับ ตลอดจนบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งที่คึกคักทั่วประเทศ ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น
ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวลดลงทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูงโดยเฉพาะค่าไฟฟ้ารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สถาบันการเงินของโลก เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลงและมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาค
ขณะที่ยังมี ปัจจัยลบสำคัญ ได้แก่ 1.ผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า และปัญหาค่าครองชีพสูง จากปัญหาค่าไฟแพง และราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ไม่สอดคล้องกับรายได้ในปัจจุบัน 2. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจากปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐ และยุโรป กระทบจิตวิทยาเชิงลบ 3.กระทรวงการคลัง ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 66 ลงเหลือ 3.6% จากเดิม 3.8% เนื่องจากการส่งออกชะลอตัว 4.กังวลปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังยืดเยื้อ และปัญหาฝุ่น PM2.5
“ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น และจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้หลังการเลือกตั้งที่มีเงินสะพัดสูงและการเมืองไทยมีเสถียรภาพ” นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนเม.ย. 66 ซึ่งอยู่ที่ 51.9 จุด ถือว่าเป็นระดับที่ดีสุดในรอบ 64 เดือน นับตั้งแต่ได้เริ่มทำการสำรวจมาในรอบ 6 ปี และยังนับเป็นครั้งแรก ที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในทุกภาค อยู่สูงกว่าระดับ 50 จุด ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า เป็นเพราะสาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจในภูมิภาคได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่ ยังมีความกังวลกับปัจจัยที่ยังเป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่น ซึ่งได้แก่ 1.ปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งกระทบต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวในบางภูมิภาคที่อาจยังไม่โดดเด่นนัก โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคอีสาน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังกังวลต่อภาวะต้นทุนค่าไฟที่แพงขึ้น รวมทั้งนโยบายหาเสียงของบางพรรคการเมืองในเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจในอนาคต