พาณิชย์ เผยเอฟทีเอดันส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปของไทยไตรมาสแรก โตแรง 11.4%
‘สินิตย์’ เผย เอฟทีเอหนุน ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปของไทย ไตรมาสแรก โตแรง 11.4% มูลค่ากว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนสินค้าเกษตร เพิ่ม 3% สินค้าดาวเด่น อาทิ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ข้าว ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ไอศกรีม มั่นใจ แนวโน้มส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ติดตามสถานการณ์การส่งออกสินค้าของไทยไปยังกลุ่มประเทศคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ (FTA) 18 ประเทศ พบว่า ในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2566) มีมูลค่า 41,216 ล้านดอลลาร์ หดตัว 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกมีสภาวะถดถอย ทำให้การส่งออกชะลอตัวเล็กน้อย
หากพิจารณาการส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปไปกลุ่มประเทศคู่เอฟทีเอ สามารถขยายตัวได้ดี ซึ่งมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าการส่งออกไปประเทศที่ไทยไม่มีเอฟทีเอ โดยสินค้าเกษตรส่งออกไปประเทศคู่เอฟทีเอมูลค่า 4,106 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3% สัดส่วน 69.7% ของการส่งออกสินค้าเกษตร สำหรับสินค้าเกษตรแปรรูปส่งออกไปประเทศคู่ค้าเอฟทีเอ มูลค่า 4,162 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.4% คิดเป็นสัดส่วน 70% ของการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งหมด ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าเกษตรไปกลุ่มประเทศที่ไทยไม่มีเอฟทีเอ ลดลง 6%และการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปไปกลุ่มประเทศที่ไทยไม่มีเอฟทีเอ ขยายตัว 6%
“แนวโน้มการส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในอนาคตมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันจีนได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกเติบโต อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการผลิต และเป็นที่ต้องการของตลาด” นายสินิตย์กล่าว
ดังนั้น ผู้ประกอบการควรใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ส่งออกอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับสินค้าให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างจุดเด่นให้กับสินค้า และแสวงหาตลาดศักยภาพใหม่ๆ เพื่อเป็นโอกาสทางธุรกิจ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่ส่งออกไปกลุ่มประเทศคู่ค้าเอฟทีเอขยายตัวได้ดี อาทิ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ขยายตัว 60% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน อินโดนีเซีย และอินเดีย ข้าว ขยายตัว30% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัว56% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ,ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังขยายตัว 2% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์,
อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 4% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น ชิลี และกัมพูชา , ไอศกรีม ขยายตัว 29% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ ,ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 3% ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน และ สปป.ลาว ,ผักกระป๋องและผักแปรรูป ขยายตัว ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตร อันดับที่ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และผู้ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป อันดับที่ 3 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 9 ของโลก
“เอฟทีเอ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าไทยในตลาดโลก โดยปัจจุบันเอฟทีเอ ที่มีผลใช้บังคับแล้ว ประเทศคู่ค้าได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ให้กับไทยแล้ว โดยในปีนี้ กรมมีแผนจะเร่งเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอ กับคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป (EU) เอฟตา (EFTA) แคนาดา ตุรกี ศรีลังกา และปากีสถาน รวมทั้งจะเปิดเจรจากับคู่ค้าใหม่ ได้แก่ กลุ่มอ่าวอาหรับ (GCC) กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก และกลุ่มประเทศแอฟริกา เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการส่งออกของไทยในอนาคต” นางอรมน กล่าว