บอร์ดแข่งขันทางการค้าถกนัดแรก 22 พ.ค.นี้ ควบรวม“บางจาก-เอสโซ่”

บอร์ดแข่งขันทางการค้าถกนัดแรก 22 พ.ค.นี้  ควบรวม“บางจาก-เอสโซ่”

บอร์ดแข่งขันทางการค้าเตรียมประชุมรับทราบผลศึกษาควบรวมกิจการบางจาก- เอสโซ่ นัดแรก 22 พ.ค.นี้ ด้านปธ.อนุศึกษา ฯเผย ศึกษาข้อมูลเกือบเสร็จสิ้นแล้ว คาดประชุมอีก 2ครั้ง สรุปผลได้กลางมิ.ย.นี้ ก่อนชงให้บอร์ดแข่งขันทางการค้าเคาะ

การแข่งขันทางธุรกิจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในวงการธุรกิจและการค้าแต่การแข่งขันให้เป็นธรรมไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคู่แข่งและประโยชน์โดยรวมในสังคมเป็นสิ่งที่ต้องมีกฎ กติกา และหน่วยงานมาควบคุมดูแลให้การค้าเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล  เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าคนใหม่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.)หรือบอร์ดแข่งขันทางการค้า จะมีการประชุมเพื่อรับทราบผลการศึกษาการควบรวมกิจการบริษัทบางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ซื้อหุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จากExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ของคณะอนุกรรมการศึกษาการควบรวมกิจการ บางจาก-เอสโซ่ ที่มอบหมายให้ไปศึกษาข้อมูลการควบรวมกิจ โดยการประชุมดังกล่าวทางประธานคณะอนุกรรมการฯ จะเสนอความคืบหน้าการศึกษาในเบื้องต้นต่อบอร์ดการแข่งขัน

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาการควบรวมกิจการ บางจาก-เอสโซ่ กล่าวว่า คณะอนุกรรมฯได้มีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งได้ข้อมูลค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์ โดยได้มีนำข้อมูลของการควบรวมกิจการมาพิจารณา ทั้งแผนการรวมธุรกิจและระยะเวลาดำเนินการ โครงสร้างผู้ถือหุ้น กำลังการผลิต โรงกลั่น ยอดขาย ฐานะการเงิน ส่วนแบ่งการตลาด เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้นำผลการควบรวมกิจการด้านพลังงานในต่างประเทศมาประกอบการพิจารณาศึกษาด้วยประมาณ 10 ตัวอย่าง เพราะต่างประเทศจะมีประสบการณ์ในเรื่องของการควบรวมกิจการ เช่น การควบรวมกิจการด้านพลังงานในประเทศนอร์เวย์ของบริษัท Norsk Hydro ASA หรือ ไฮโดร บ.เอ็กชอน โมบิล ควบรวมกิจการกับธุรกิจน้ำมัน ในสหรัฐและยุโรป เป็นต้น ซึ่งมีทั้งที่อนุมัติและไม่อนุมัติ หรืออนุมัติแต่มีเงื่อนไข

บอร์ดแข่งขันทางการค้าถกนัดแรก 22 พ.ค.นี้  ควบรวม“บางจาก-เอสโซ่” j

 

คาดมิ.ย.ส่งผลศึกษาให้บอร์ดชี้ขาด

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาในครั้งนี้ยังไม่ได้สรุปสุดท้าย ทางคณะอนุกรรมการฯจะมีการประชุมอีก 2 ครั้งก่อนทำเป็นข้อสรุปเสนอเป็นรายงานต่อบอร์ดแข่งขันทางการค้า คาดว่าจะเสนอต่อบอร์ดแข่งขันทางการค้าในกลางเดือนมิ.ย. จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของบอร์ดแข่งขันทางการค้าจะพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้ควบรวมกิจการ ภายในกรอบระยะเวลา 90 วันตามพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560

ขณะนี้ไม่สามารถบอกได้ว่ามีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่ แต่ทั้ง 2 บริษัทที่ควบรวมกิจการกันก็มีส่วนแบ่งการตลาดพอสมควร แม้ไม่มากเท่ากับ ปตท.ที่เป็นบริษัทน้ำมันที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงเป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ในธุรกิจพลังงานก็ยังมีบริษัทอื่นๆที่ทำธุรกิจเช่นเดียวกันที่รายเล็กรายใหญ่ เช่น เชฟชรอน เอสโซ่ พีที เป็นต้น”

นายพรายพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาการควบรวมธุรกิจด้านพลังงานของไทยก็มีการควบรวมกิจการ แต่เป็นก่อนที่พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จะบังคับใช้ ทำให้การควบรวมกิจการต้องมีการยื่นขออนุญาตจากบอร์ดแข่งขันทางการค้า

รายงานข่าวระบุว่า บางจากยื่นขออนุญาตควบรวมธุรกิจต่อบอร์ดแข่งขันทางการค้า ซึ่งสำนักงาน กขค.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาการควบรวมกิจการครั้งนี้ โดยมีเวลาทำงาน  90  วันและขยายเวลาต่อได้อีก 15 วัน รวมไม่เกิน  105  วัน โดยหลังจากนั้นจะเสนอคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ซึ่งการควบรวมครั้งนี้เข้าหลักเกณฑ์ต้องขออนุญาตควบรวมกิจการตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 เช่นเดียวกับกรณีควบรวมเทสโก้โลตัส กับซีพี

 

โครงสร้างธุรกิจเข้าข่ายกม.แข่งขัน

การควบรวมธุรกิจตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 มาตรา 51 กำหนดหลักเกณฑ์การควบรวมธุรกิจไว้ 2 ประเภท คือ 1.การแจ้งรวมธุรกิจ 2.การขออนุญาตรวมธุรกิจ โดยกรณีบางจากควบรวมกับเอสโซ่คาดว่าเข้าข่ายการขออนุญาตรวมธุรกิจ ในลักษณะการเข้าซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือหลักทรัพย์อื่นที่อาจแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นได้ ณ สิ้นวันใดวันหนึ่ง เพิ่มขึ้นถึงหรือเกินกว่า 25% ขึ้นไปของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจอื่น ที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือการเข้าซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง ณ สิ้นวันใดวันหนึ่ง เพิ่มขึ้นเกินกว่า 50% ขึ้นไปของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบธุรกิจอื่น

นอกจากนี้ กฎหมายได้กำหนดหลักเกณฑ์ของธุรกิจที่ต้องขออนุญาตรวมธุรกิจ คือ  1.มียอดเงินขายของผู้ประกอบธุรกิจรายหนึ่งหรือรวมกันตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป  2.นับรวมยอดเงินขายของบรรดาผู้ประกอบธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการด้วย

3.อาจก่อให้เกิดการผูกขาด หรือ เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด 4.การรวมธุรกิจที่ยอดเงินขายของผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งหรือของผู้ประกอบธุรกิจที่จะรวมธุรกิจในตลาดใดตลาดหนึ่งรวมกันตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป และอาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือการเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด

ทั้งนี้ กรณีควบรวมโรงกลั่นน้ำมันบางจาก-เอสโซ่ จะเข้าข่าย มาตรา 51 ตาม พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า กรณีรายได้เกิน 1,000 ล้านบาท และการควบรวมธุรกิจของบางจากเป็นเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ เอสโซ่จาก ExxonMobil ซึ่งเกิน 50% ที่กฎหมายกำหนด