'อีอีซี' มั่นใจส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเทรน ต.ค.นี้ ดัน 'ซีพี' เริ่มงานก่อสร้าง
อีอีซีมั่นใจคาด ร.ฟ.ท. ส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินภายใน ต.ค.นี้ หนุนเอกชนเริ่มงานก่อสร้าง พร้อมเดินหน้าพัฒนาพื้นที่มักกะสัน หลัง ครม. ไฟเขียวปรับพื้นที่เก็บน้ำแทนบึงเสือดำ สนับสนุนบริการในอนาคต
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โดยระบุว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เตรียมความพร้อมดำเนินการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ ให้กับเอกชนตามที่ระบุไว้ในสัญญาเรียบร้อยแล้ว
โดยส่วนแรกที่จะมีการส่งมอบ คือ พื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา ส่วนช่วงพญาไท - บางซื่อ ปัจจุบันอยู่ในช่วงรื้อย้ายท่อน้ำมัน ซึ่งคาดว่าพื้นที่โครงการฯ จะพร้อมส่งมอบให้เอกชนครบทั้งหมดภายในเดือน ต.ค.นี้ และคาดว่าภายในปี 2566 จะสามารถแจ้งให้เอกชนเริ่มการก่อสร้าง (Notice to Proceed : NTP) เพื่อให้เอกชนเริ่มเข้าพื้นที่งานก่อสร้าง
ทั้งนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบการพัฒนาพื้นที่เก็บกักน้ำทดแทนบึงเสือดำ ในพื้นที่มักกะสันเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการไฮสปีดเทรนสายนี้ และ ครม.ยังได้รับทราบแนวทางการพัฒนาเก็บกักน้ำทดแทนบึงเสือดำพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ในการประชุมครั้งที่ 1/66 เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 ที่เห็นชอบในหลักการให้ปรับปรุงความจุของบึงข้างโรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร จากเดิม 12,800 ลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นอีก 17,250 ลูกบาศก์เมตร รวมทั้งสิ้น 30,050 ลูกบาศก์เมตร
สำหรับการดำเนินการปรับปรุงความจุของบึงข้างโรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร ทางบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ซึ่งเป็นเอกชนคู่สัญญาจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการเพิ่มปริมาตรกักเก็บน้ำของบึงข้างโรงพยาบาล ระบบระบายน้ำเพิ่มเติมการขุดลอกคลอง และการก่อสร้างแนวคลองระบายน้ำใหม่เชื่อมบึงมักกะสันความยาวประมาณ 250 เมตร ซึ่งจะช่วยให้ในพื้นที่ฯ มีปริมาตรกักเก็บน้ำมากขึ้น และระบบระบายน้ำได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น