ฮาบิแททฯ ชี้ตั้งรัฐบาลช้าไม่กระทบอสังหาฯ
การจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจนไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มากนัก มองว่าลูกค้าจะไม่ชะลอการซื้อเพื่อรอผลการเลือกตั้ง เพราะอสังหาฯ เป็นปัจจัย 4 ที่จำเป็นเพื่อการอยู่อาศัย รวมถึงเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนประเภทอื่นที่มีความผันผวนมากกว่า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ชนินทร์ วานิชวงศ์ ระบุ การจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจนไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มากนัก มองว่าลูกค้าจะไม่ชะลอการซื้อเพื่อรอผลการเลือกตั้ง เพราะอสังหาฯ เป็นปัจจัย 4 ที่จำเป็นเพื่อการอยู่อาศัย รวมถึงเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนประเภทอื่นที่มีความผันผวนมากกว่า จึงทำให้คนหันมาลงทุนในอสังหาฯ มากขึ้น แต่ในมุมของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนขนาดใหญ่อาจต้องการความชัดเจนของสถานการณ์การเมือง
สำหรับความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ อยากให้ต่อมาตรการผ่อนคลาย LTV (loan to value) ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในการซื้อบ้านหลังที่สองขึ้นไปได้ง่ายขึ้น ขณะที่มาตรการการลดค่าโอน-จดจำนอง ที่ยังมีผลบังคับใช้จนสิ้นปีนี้อยากให้มีต่อไปเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งซัพพลายเชน รวมถึงส่งเสริมกำลังซื้อลูกค้าต่างชาติ ด้วยการให้วีซ่าประเภท Long – Term Resident Visa หรือ LTR Visa ให้ต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุนเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงอยากให้ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะจะกระทบกับผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รวมถึงเอสเอ็มอี
เทรนด์ลงทุนกลุ่มเจเนอเรชันใหม่มาแรง
สำหรับแนวโน้มการลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมทั้งเพื่อเป็นสินทรัพย์และมองถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาว กลุ่มเจเนอเรชันใหม่ที่มีอายุ 30-40 ปีขึ้นไป เห็นทิศทางปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยมองว่ามาจากปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็ว รวมถึงการเปิดใจว่าการซื้อคอนโดมิเนียมเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนที่ใหม่และน่าสนใจไม่แพ้กับการลงทุนในช่องทางอื่น ๆ เช่น ตลาดหุ้น
ส่วนปัจจัยที่ทำให้มีกำลังซื้อจากกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นในพัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูงมากจนเกินไป โดยก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนกว่า 18 ล้านคนต่อปี และปัจจุบันการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การเข้าถึงความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง และพัฒนาโปรดักท์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ปัจจุบันมองหาคอนโดมิเนียมพรีเมียมราคาประมาณ 5-8 ล้านบาท บนทำเลที่มีศักยภาพโดยเฉพาะโครงการติดทะเล หรืออยู่ห่างจากทะเลไม่มาก และฮาบิแทท กรุ๊ป มีทีมงานระดับมืออาชีพอย่าง Habitat Hospitality บริหารจัดการโครงการต่างๆ ในรูปแบบของโรงแรมรีสอร์ท ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลสินทรัพย์หรือหาผู้เช่าเอง
โครงการในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนต์ สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว (Passive Income) โดยส่วนที่เป็น Rental Yield หรือผลตอบแทนจากค่าเช่าสำหรับโครงการไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนต์ จะอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าคอนโดมิเนียม เพราะมีระบบบริหารจัดการโดยมืออาชีพ เป็นการลงทุนที่มีความแน่นอน และความเสี่ยงจากภาวะราคาที่ผันผวนจากการลงทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารในปัจจุบัน
สำหรับ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ได้ลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพัทยาไปแล้ว 8 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุน 6,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่เปิดให้บริการในรูปแบบของโรงแรมและพูลวิลล่าแล้วจำนวน 4 แห่งคือ เดอะ วิลล์ จอมเทียน, ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ , ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ , เบย์เฟียร์ โฮเทล พัทยา โดยในปี 2566 เตรียมเปิดบริการเพิ่มอีก 4 แห่ง คือ เบย์เฟียร์ พรีเมียร์ สวีท จะเปิดบริการไตรมาส 3 ส่วนวินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา บลูเฟียร์ พัทยา พร้อมเปิดให้บริการไตรมาส 4 และรามาด้า มิรา นอร์ท พัทยา เตรียมให้บริการในปี 2567