พิธา”ฟื้นเชื่อมั่น“หอการค้า” ชี้สุญญากาศการเมืองสั้นที่สุด
“พิธา” พบหอการค้า ยืนยันกับเอกชนว่าสุญญากาศการเมืองต้องสั้นที่สุด พร้อมหารือ 3 ประเด็นเร่งด่วนต่อรัฐบาลใหม่ ต้องจัดตั้งโดยเร็ว พร้อมตั้งทีมงานร่วมกันพิจารณาประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท
หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้หารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค.2566 ล่าสุดได้เข้าพบกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในวันที่ 31 พ.ค.2566 เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของนักธุรกิจเพื่อมาประกอบการจัดทำนโยบายของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างการจัดตั้ง รวมทั้งชี้แจงความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาลและการทำงานของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล (Transition Team) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชี้แจงการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลนับตั้งแต่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2566 โดยมีการประเมินถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก และการเริ่มเดินหน้าขับเคลื่อนตามแอคชั่นแพลนที่วางไว้ รวมทั้งชี้แจงถึงการบริหารความคาดหวังของสังคมและการสื่อสารกับประชาชน โดยประเมินว่าระหว่างตั้งรัฐบาลจะต้องเจอกับสถานการณ์ใดบ้าง
นอกจากนี้ นายพิธา ชี้แจงถึงทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยเศรษฐกิจไทยขยายตัวตามหลังค่าเฉลี่ยโลกทั้งแง่รายได้ต่อหัวและอัตราการเติบโต ในขณะที่เศรษฐกิจโลกปี 2567 จะเป็นปีที่โตช้าที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวพรรคก้าวไกลนำมาประกอบการจัดทำนโยบายที่จะต้องปรับทิศทางเศรษฐกิจไทยและการพยุงเศรษฐกิจที่มีผลต่อ SME
นายพิธา กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ได้นำพิจารณา 13 ประเด็นของหอการค้าไทยนำเสนอ อาทิ ปัญหาคอรัปชั่น BCG การส่งเสริม SME และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 450 บาท รวมทั้งได้อัพเดทความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงหน้าที่คณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน
ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน ภายใน 100 วัน ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลที่มีการหาเสียงไว้ จากการหารือกับหอการค้าไทย การขึ้นค่าแรงน่าจะมีกรอบระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับระยะเวลาเดิม หรือขยับออกไป ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องหารือค่าแรงที่เหมาะสมก่อน
รวมทั้งกรณีหากขึ้นค่าแรงจะกระทบต่อราคาสินค้าปรับขึ้นนั้น จากการศึกษาไม่จำเป็นเสมอไปที่ราคาสินค้าจะขึ้นจากปรับค่าแรง ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าแรงเปรียบเสมือนเหรียญ 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งจะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี รายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการขึ้นค่าแรงไปก่อนหน้านี้ 350 บาทต่อวัน เป็นการขึ้นค่าแรงเพียง 5% ขณะที่เงินเฟ้อขึ้น 8%
ชี้สุญญากาศการเมืองสั้นที่สุด
สำหรับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ขึ้นอยู่กับการรับรอง ส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 90% จะเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี จากนั้นก็ประชุม ครม.ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องการให้เกิดสุญญากาศสั้นที่สุด และเดินหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อจัดการเกี่ยวกับงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลมีแผนหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยในวันที่ 5 มิ.ย.2566จะนำทีมไปพบนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมทั้งมีแผนไปหารือแลกเปลี่ยนกับภาคเอกชน เช่น สมาคมธนาคารไทย สภาตลาดทุนไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต รวมถึงการหารือกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เช่นสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
“หอการค้า”ขอให้ตั้งรัฐบาลเร็วที่สุด
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้หารือหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน โดยเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่อัตราการขึ้นค่าแรง ระยะเวลา อาจจะต้องหารือรายละเอียดที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อมูลแทบไม่ต่างกันมาก
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เสนอ 3 ประเด็นต่อพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย
1.ขอให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปรวดเร็วที่สุด เพื่อให้การจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้เศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะแนวทางการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ที่หอการค้าไทย แต่มีข้อกังวลกรอบเวลาการจัดทำงบประมาณจะทำได้ทันทีหรือไม่ เพราะใช้เวลามากจึงขอให้เตรียมแผนให้รอบคอบ เพื่อให้การใช้งบประมาณมีความต่อเนื่อง
2.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วย Ease of Doing Business และ Ease of Investment โดยปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง regulatory guillotine
3.สร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการและ SME โดยเฉพาะสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำได้ง่ายขึ้น ทั้งการปรับกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
นอกจากนี้ ในการหารือครั้งนี้ยังไม่ได้สรุปว่านโยบายการขึ้นค่าแรงภายใน 100 วัน จะเริ่มต้นนับหนึ่งวันไหน ขณะนี้ยังมีเวลาต้องตั้งทีมหารือรายละเอียดต่อ หากขึ้นทันทีจะเป็นการกระชาก ซึ่งอาจมีปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจได้ การประชุมครั้งนี้จึงคุยกันด้วยเหตุผล และมีข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ไม่ใช่ความรู้สึก
ตั้งทีมร่วมหารือค่าแรง450บาท
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายตั้งคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าทุกประเด็นที่หารือ ซึ่งทั้ง 2 จะตั้งทีมขึ้นมาติดตามและจะนัดหารือกัน โดยเฉพาะประเด็นค่าแรง ส่วนประเด็นเร่งด่วนหลังหารือนอกจากประเด็นนี้ รวมทั้งมีประเด็นพลังงาน การดูแลภาคเกษตร และการต่อลมหายใจให้เอสเอ็มอี เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าได้
สำหรับการขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 450 บาท ถ้าสื่อสารกับสาธารณะอย่างไม่เข้าใจจะทำให้ทุกคนโต้แย้งได้ ซึ่งประเด็นสำคัญสุดต้องหารือรายละเอียดเชิงลึก เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหวมาก ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำมีกลไกคณะกรรมการค่าจ้างกลาง (ไตรภาคี) ที่มีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชนและแรงงานของแต่ละจังหวัดอยู่แล้ว
ทั้งนี้พรรคก้าวไกลต้องฟังเสียงจากประชาชนและสิ่งเหล่านี้คงต้องคุยกัน โดยการขึ้นค่าแรงล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค.2565 ปรับขึ้นประมาณ 5% แต่อัตราเงินเฟ้อไทยเพิ่มขึ้นถึง 8% ถือเป็นภาวะผิดปกติมาก เพราะไม่มีคิดว่าจะเกิดสงครามจนทำให้ราคาพลังงานแพง และดอกเบี้ยขึ้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดีที่วันนี้หอการค้าไทยได้คุยกับพรรคก้าวไกล ซึ่งทำให้เห็นว่า เรามีจุดยืนเดียวกันที่จะทำให้แรงงานอยู่ได้
“หลังการหารือก็มีความสบายใจ ถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจน แต่อยากให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลและมีระยะเวลาที่ชัดเจน และจากการพูดคุยก็คาดว่าภายในเดือนก.ย.2566 จัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่าย เนื่องจากห่วงระยะเวลาในการการเบิกจ่ายที่จำกัด เบิกไม่ทัน ซึ่งอาจจะกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงต่างชาติก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”