กรมการค้าภายในเผย ปุ๋ย ลด รับฤดูเพาะปลูก ขณะที่อาหารสดปรับขึ้นเล็กน้อย
กรมการค้าภายในเผยราคาปุ๋ยยูเรียลดลงแล้ว 50% แอมโมเนียมซัลเฟต ลด 47% ฟอสเฟต โพแทสเซียม ลด 26% ส่วนยาปราบศัตรูพืชและยาฆ่าแมลง ก็ลดลง ส่งผลดีต่อเกษตรกรที่กำลังเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก ด้านสถานการณ์อาหารสด ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งหมู ไก่ ไข่ แต่ผักแนวโน้มลดลง มะนาว-ผักชี ลง
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาปุ๋ยเคมี ว่า ขณะนี้ภาพรวมราคาแม่ปุ๋ยเฉลี่ยภาคกลาง ปรับลดลง 26-50% เมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาปุ๋ยปรับตัวขึ้นไปสูงสุด โดยแม่ปุ๋ยไนโตรเจน ได้แก่ ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 และปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ราคาลดลง 50% และ 47% ตามลำดับ แม่ปุ๋ยฟอสเฟต 18-46.0 ราคาลดลง 26% และแม่ปุ๋ยโพแทสเซียม 0-0-60 ราคาลดลง 26% ซึ่งเป็นผลดีกับเกษตรกร ที่ขณะนี้ กำลังเข้าสู่ฤดูการปลูกข้าว ที่ช่วงแรกนิยมใช้ปุ๋ยยูเรีย และช่วงถัดมานิยมใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 เป็นหลัก ส่วนปุ๋ยสูตรอื่น ๆ ใช้เป็นตัวเสริมธาตุอาหาร หรือใช้เพาะปลูกพืชชนิดอื่น
“ราคาปุ๋ยลงมาถึง 50% ยกตัวอย่างแม่ปุ๋ยยูเรีย ปริมาณ 50 กิโลกรัม (กก.)/กระสอบ ราคาจำหน่ายเคยขึ้นไปสูงถึงกระสอบละ 1,600 บาท ปัจจุบันลงมาเหลือ 800 บาท/กระสอบ โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาปุ๋ยปรับลดลงมา เพราะราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับลดลง โดยเฉพาะน้ำมันดิบที่แม้จะยังมีความผันผวน แต่ก็ปรับลดลงมาแล้ว 20-25% เมื่อเทียบราคาเฉลี่ยปี 2565 และความต้องการใช้ปุ๋ยในประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรสำคัญลดลง เช่น จีน ที่สิ้นสุดฤดูการผลิตแล้ว และสหรัฐฯ อยู่ในช่วงปลายฤดูเพาะปลูก”ร.ต.จักรากล่าว
สำหรับยาปราบศัตรูพืช ขณะนี้ราคาได้ปรับลดลงแล้วเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับช่วงที่เคยขึ้นไปสูงสุดเมื่อกลางปีที่แล้ว โดยยาฆ่าหญ้ากลูโฟซิเนต ราคาลดลง 25% ไกลโพเชต ราคาลดลง 19% และยาฆ่าแมลงอะบาเมกติน ราคาลดลง 28%
ร.ต.จักรา กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ราคาอาหารสดสัปดาห์นี้ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยหมูเนื้อแดง เฉลี่ย กก.ละ 145 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท จากเดือนที่แล้ว ไก่น่องติดสะโพก ราคา 80 บาทต่อกก. น่องไก่ 83 บาทต่อกก. สะโพกไก่ 85 บาทต่อกก. และอกไก่ 79 บาทตอกก. และไข่ไก่ เบอร์ 3 เฉลี่ย 4.06 บาทต่อฟอง เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 4.04 บาทต่อฟอง แต่ก็ยังอยู่ในโครงสร้างราคาที่กรมฯ ติดตามดูแล โดยปัจจัยที่ทำให้สินค้ากลุ่มอาหารสด ปรับเพิ่มขึ้น มาจากสภาพอากาศร้อน ทำให้ผลผลิตลดลง และมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นจากช่วงเปิดเทอม การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่ทรงตัวและปรับลดลง ตามการจัดโปรโมชันของห้าง ทั้งข้าวสาร น้ำตาล อาหารกระป๋อง น้ำปลา ซอสปรุงรส ครีมอาบน้ำ สบู่ น้ำยาซักผ้า นมผง นมยูเอชที บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สถานการณ์ผักสดมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย โดยปริมาณเริ่มเข้าสู่ตลาดเป็นปกติแล้ว อย่างมะนาว ที่เคยมีปัญหาช่วงแล้งหนัก ๆ เดือนมี.ค.-เม.ย. ตอนนี้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาด 75-80 ตันต่อวัน จากก่อนหน้านี้ 45-50 ตันต่อวัน ทำให้ราคาเบอร์ 1-2 ปรับลดลงเหลือเฉลี่ย 4.60 บาทต่อลูก จากก่อนหน้านี้เฉลี่ย 5 บาทต่อลูก และมีแนวโน้มปรับลดลงอีก
ส่วนผักชี มีผลผลิตเข้าสู่ตลาด 130 ตันต่อวัน จากช่วงที่ลดมีแค่ 70-80 ตันต่อวัน โดยราคาก็เริ่มปรับลดลง ที่ตลาดกลาง 110 บาทต่อกก. ตลาดสด 130 บาทตอกก. และผักอื่น ๆ เช่น คะน้า ราคา 43.50 บาทต่อกก. กวางตุ้ง 34 บาทต่อกก. ผักบุ้งจีน 31 บาทต่อกก. ต้นหอม 103 บาทต่อกก. พริกขี้หนู 88 บาทต่อกก. เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการรับมือกับปัญหาผักขาดแคลนหรือปริมาณลดลง กรมฯ ได้มีมาตรการติดตามสถานการณ์ผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดกลางสินค้าเกษตรเป็นตัวตั้ง หากมีแนวโน้มผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ก็จะเข้าไปทำการเชื่อมโยงผลผลิตจากแหล่งผลิตอื่น หรือตลาดอื่น เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งได้ใช้วิธีการนี้บริหารจัดการในส่วนของมะนาว และผักชี ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ด้านราคาไม่ปรับเพิ่มขึ้นจนเกินไป