สถิติยอดจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า (EV) เดือนม.ค. - พ.ค.66 มากกว่า 30,000 คัน
กรมการขนส่งทางบก เผยสถิติจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า (EV) ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 มากกว่า 30,000 คัน พร้อมเชิญชวนประชาชนใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพื่อประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยเพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน สังคม และเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้รถที่มีเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดการปล่อยไอเสียและเกิดสารละอองที่เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ประกอบด้วยเขม่าเป็นส่วนใหญ่ (PM 2.5) รถพลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV (Electric Vehicle) จึงเป็นรถทางเลือกในการลดมลพิษทางอากาศเพราะด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนของมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน 100% ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียและการเผาไหม้ใด ๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ กระทรวงคมนาคม
โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ดำเนินการออกมาตรการในการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และมีนโนบายสนับสนุนประชาชนให้มาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เช่น การลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เช่น รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้วคงเหลือ 320 บาท รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้วคงเหลือ 160 บาท
ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้วคงเหลือ 10 บาท เป็นต้น โดยลดภาษีประจำปีเป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สถิติการจดทะเบียนของรถพลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 มีรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั้งสิ้น 32,450 คัน โดยในปี 2566 มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาจดทะเบียนที่ ขบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 474.43 % แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ขบ. ขอเชิญชวนประชาชนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดภาษีประจำปีให้กับเจ้าของรถอีกด้วย