ลุยค้น 8 จุด ปทุมธานี-นครปฐม หาหลักฐาน เอาผิดขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน
ตร.ลุยค้น 8 จุด เป้าหมายสำคัญพื้นที่ปทุมธานี-นครปฐม สนง. “เจ๊บีม” หาหลักฐานเอาผิดขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเครือข่าย “เจ๊หมง” โยงบิ๊กสรรพสามิต เก็บตัวอย่างน้ำมัน-เอกสารที่ไปที่มาน้ำมันตรวจสอบ พบมีข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐานคดีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน
ตำรวจลุยกวาดล้างขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเครือข่ายใหญ่ โดยล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล. พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รรท.ผบก.ปปป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชการ บก.ทล. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป., บก.ทล., บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปนม.ตร. สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. นำโดย นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ กวาดล้างขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเครือข่ายเจ๊หมง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 8 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่ จ.ปทุมธานี 3 จุด นครปฐม 1 จุดสมุทรสงคราม 4 จุด
ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมาตำรวจทางหลวง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต สกัดจับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน พร้อมของกลาง กว่า 4 หมื่น ลิตร ได้ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.308 ขาเข้า อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังทราบว่าจะมีการขนลำเลียงน้ำมันเถื่อนจากภาคใต้ มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ กทม. เพื่อนำมาส่งต่อปั๊มน้ามันในพื้นที่ กทม. และเขตปริมณฑล อีกทั้งในขณะจับกุมยังมีบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิตโทรศัพท์มาเจรจาขอให้ปล่อยรถของกลาง แต่ไม่เป็นผล จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ภายหลังเกิดเรื่องทางตำรวจทางหลวง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. จึงเร่งขยายผลตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการใหญ่ และอาจมีข้าราชการสรรพสามิตระดับสูงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยง ก่อนพบว่า เจ้าของรถบรรทุกคันดังกล่าวคือ น.ส.รติรส หรือ เจ๊หมง ส่วนผู้รับซื้อคือ น.ส.ศิริกร หรือ เจ๊บีม จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 8 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสำนักงานที่ตั้งบริษัทของทั้งสอง และ จุดที่เชื่อว่าถูกใช้เป็นสถานที่ในการซื้อขายน้ำมันเถื่อน
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกที่เข้าตรวจสอบเป็น สำนักงานบริษัท ของ น.ส.ศิริกร หรือ เจ๊บีม ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.5 ต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พบบริเวณด้านหน้าติดริมถนนเปิดเป็นปั้มน้ำมัน ส่วนด้านหลังเป็นสำนักงานและลานจอดรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำมัน พร้อมกับเอกสารเกี่ยวกับที่ไปที่มาของน้ำมันไว้ทำการตรวจสอบ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการนำเอกสารต่างๆ รวมถึงตัวอย่างน้ำมันไปทำการตรวจสอบ ถึงที่ไปที่มา เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่าน้ำมันดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับขบวนการน้ำมันเถื่อนที่จับกุมได้ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือไม่ และหากพบว่าเกี่ยวจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เพราะขบวนการน้ำมันเถื่อนดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นอย่างมาก
“ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตระดับสูงโทรศัพท์มาเจรจาขอให้ปล่อยรถบรรทุกของกลางที่จับกุมได้ในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้น ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังมีการขยายผลตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยประสานข้อมูลสืบสวนร่วมกับทางอธิบดีกรมสรรพสามิต ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้มีการสั่งพักราชการระดับสูงไปแล้ว 1 ราย และขอให้ประชาชนเชื่อใจว่าหลังจากนี้จะยังคงขยายผลต่อเนื่อง ซึ่งหากมีพยานหลักฐานแน่ชัดว่ากระทำผิดเมื่อใด ก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
ขณะที่ นายภูมิวิศาล กล่าวว่า ขณะนี้พอมีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติกรรมเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจับกุม หรือ หยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานคดีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ บ้างแล้ว อยู่ระหว่างเร่งขยายผลสืบหาพยานหลักฐานให้แน่ชัด