‘รองซีอีโอชไนเดอร์’ โชว์กรีนดิจิทัล ช่วยบรรลุเน็ต ซีโร
รองซีอีโอชไนเดอร์ อิเล็คทริค ฝ่ายปฏิบัติการจีน และเอเชียตะวันออก เผย นวัตกรรมครบวงจร ในการควบคุม และประหยัดพลังงานไฟฟ้า ซึ่งได้รับการยอมรับระดับโลก ช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน และบรรลุเน็ต ซีโร
“จาง หยิน” รองประธานบริหาร ฝ่ายปฏิบัติการจีน และเอเชียตะวันออก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมกล่าวเปิดงาน Innovation Summit Bangkok 2023 : Innovations for a Sustainable Thailand จัดขึ้นที่ไบเทค บางนาว่า ถ้าจำกันได้ในข้อตกลงปารีส ภาคีทั่วโลกต้องร่วมมือกันจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม และหากเราร่วมมือกันในวันนี้ จะลดการปล่อยคาร์บอน 4 กิกะตันเท่านั้น แต่ความจริงต้องทำให้ได้ 10 - 15 กิกะตัน หรือสามเท่าภายในปี 2030 ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริคมีเทคโนโลยีพร้อมแล้วที่จะร่วมมือกับประเทศไทย และพันธมิตรในภูมิภาคนี้
จาง กล่าวอีกว่า ว่าด้วยการลดคาร์บอน จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ อุปทานที่เราพยายามแทนที่ด้วยพลังงานทางเลือกให้มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 45% แต่อีก 55% มีความสำคัญกว่านั่นคือ อุปสงค์ ที่จะนำไปสู่การจัดการพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้านำสองส่วนนี้มาทำงานร่วมกัน จะช่วยลดใช้พลังงานให้น้อยลง แต่ได้ประโยชน์สูงสุดขึ้นอีก
แล้วจะแปลงดิจิทัลเป็นการจัดการไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร เพื่อให้บรรลุเศรษฐกิจที่ยั่งยืน มีชีวิตที่ดีขึ้นมาก ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง นี่คือ ความยั่งยืนทั้งหมด ที่ผ่านมาผมได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลงเป็นดิจิทัล เพราะตอนนี้ทั่วโลกมีความพยายามลดคาร์บอน
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ วัด และแสดงภาพรวมให้เห็น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเซ็นเซอร์มากมาย ในการควบคุมและจัดการไฟฟ้าเพื่อควบคุมการปล่อยคาร์บอน
ขอยกตัวอย่างอาคารที่สิงคโปร์ได้ใช้เทคโนโลยีของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการเข้าควบคุมการใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่หลังคา กระจก และระบบการจ่ายไฟ สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า ถ้าได้ใส่นำเทคโนโลยีมาผสานเข้าด้วยกัน จะเห็นว่าแต่ละวันได้ใช้พลังงานในส่วนไหนบ้าง การไหลเวียนของพลังงานเข้า และออกเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการจัดการไฟฟ้า และประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นเมื่อเทียบกับปี 2550 จะเห็นว่า นวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถลดการใช้พลังงานได้เกือบ 50%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์