การรถไฟฯ ลุยโปรเจครถไฟทางคู่ปี 72 เปิดให้บริการมากกว่า 3,000 กม.

การรถไฟฯ ลุยโปรเจครถไฟทางคู่ปี 72 เปิดให้บริการมากกว่า 3,000 กม.

การรถไฟฯ ตั้งเป้าปี 2572 เปิดบริการรถไฟทางคู่มากกว่า 3,000 กิโลเมตร รองรับขบวนรถเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว พร้อมอัพเดตสถานะล่าสุดเตรียมเปิดใช้งานเพิ่ม 3 โครงการ ก.ย.นี้

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน โดยระบุว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้ลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 – 2565 ปัจจุบันมีความคืบหน้างานโยธาต่อเนื่อง โดยเปิดให้บริการได้แล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า – แก่งคอย และโครงการช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น

ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและใกล้แล้วเสร็จ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่

1.โครงการช่วงนครปฐม - หัวหิน ซึ่งขณะนี้สัญญา 1 นครปฐม-หนองปลาไหล ระยะทาง 93 กิโลเมตร ผลงาน 97.1% ส่วนสัญญา 2 หนองปลาไหล-หัวหิน ระยะทาง 76 กิโลเมตร ผลงาน 97.5%

2.โครงการช่วงหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร ผลงาน 99.9%

3.โครงการช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญา 1 ประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย ระยะทาง 88 กิโลเมตร ผลงาน 93.5% สัญญา 2 บางสะพานน้อย-ชุมพร ระยะทาง 79 กิโลเมตร ผลงาน 96.5% และส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณสายใต้ ระยะทาง 420 กิโลเมตร ผลงาน 48.1%

การรถไฟฯ ลุยโปรเจครถไฟทางคู่ปี 72 เปิดให้บริการมากกว่า 3,000 กม.

เตรียมเปิดให้บริการเพิ่ม ก.ย.นี้ 

ทั้งนี้ ในภาพรวมของทั้ง 3 โครงการ ปัจจุบันงานโยธาได้ดำเนินการใกล้เสร็จครบทั้งหมด และเริ่มมีการทดลองเปิดใช้ทางคู่ใหม่บางช่วงเพื่อทดสอบระบบทางไปแล้ว โดยหลังจากนี้ ร.ฟ.ท.มีแผนทยอยเปิดใช้งานจริงช่วงเดือน ก.ย.นี้ โดยเริ่มจากสถานีนครปฐม ถึงสถานีสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร จากนั้นจะขยายไปจนถึงปลายทางที่สถานีชุมพรในปลายเดือน ธ.ค. 2566 ซึ่งจะดำเนินการคู่ขนานไปกับงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และตั้งเป้าหมายจะเปิดใช้งานได้เต็มระบบภายในปี 2568

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ยังมีโครงการรถไฟที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2 โครงการ ได้แก่

1.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญา 1 บ้านกลับ-โคกกะเทียม ระยะทาง 32 กิโลเมตร ผลงาน 86.6% สัญญา 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กิโลเมตร ผลงาน 78.4% ส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณ สายเหนือ ระยะทาง 148 กิโลเมตร ผลงาน 32.1%

2. โครงการช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญา 1 มาบกะเบา-คลองขนานจิตร ระยะทาง 58 กิโลเมตร ผลงาน 96.2% สัญญา 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ1 ระยะทาง 69 กิโลเมตร ปัจจุบันยังไม่ได้ลงนามสัญญา สัญญา 3 อุโมงค์รถไฟ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ผลงาน 98.1% ส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทาง 132 กิโลเมตร ผลงาน 21.5%

นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างรถไฟสายใหม่ 2 โครงการ ประกอบด้วย

1.ช่วงเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ โดยความคืบหน้าส่วนของสัญญา 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 103 กิโลเมตร ผลงาน 0.9% สัญญา 2 ช่วงงาว –เชียงราย ระยะทาง 132 กิโลเมตร ผลงาน 2.1% และสัญญา 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 87 กิโลเมตร ผลงาน 1.4%

2.ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม งานโยธาสัญญา 1 ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ระยะทาง 180 กิโลเมตร ผลงาน 0.1% และสัญญา 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 ระยะทาง 175 กิโลเมตร ผลงาน 0.007%

เปิดข้อดีรถไฟทางคู่เชื่อมเพื่อนบ้าน

“เมื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง และเส้นทางสายใหม่ 2 เส้นทางแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางคู่ทั่วประเทศมากถึง 10 เท่า หรือคิดเป็น 65% ของระยะทางรวมทั้งหมด มากกว่าเดิมที่มีทางคู่เพียง 6% อีกทั้งยังช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางได้ 1–1.50 ชั่วโมง รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่การขนส่งทางรางที่มีต้นทุนต่ำกว่า ตลอดจนเชื่อมโยงกับขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย”

นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.ยังอยู่ระหว่างจัดทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เพิ่มเติมอีก 7 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ - เด่นชัย ช่วงขอนแก่น - หนองคาย ช่วงชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมการจัดทำข้อมูลเพื่อรอเสนออนุมัติโครงการแล้ว 

ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ ก็อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขออนุมัติโครงการ รวมถึงกำลังทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

ทั้งนี้ หากโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ดำเนินการแล้วเสร็จ จะทำให้ ร.ฟ.ท.มีรถไฟทางคู่ครอบคลุมการเดินทางได้มากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ มีเส้นทางคู่รวมกันมากกว่า 3,000 กิโลเมตรภายในปี 2572 ซึ่งจะสามารถรองรับขบวนรถได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว สามารถทำความเร็วในการขนส่งสินค้าได้จากเดิม 29 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วในการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มจากเดิม 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง