กยท. ชี้ เอลนีโญทำผลผลิตยางพาราลดลง 2 % ยาวถึงปี68
กยท. เผย เอลนีโญ ส่งผลกระทบปริมาณยางประเทศผู้ผลิต ลดลง 2 % ต่อเนื่องถึงปี 68 ขณะแนวโน้มราคาดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก
นางสาวอธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจยาง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า จากการชะลอตัวของสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยทั่วโลก ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางและยางพาราแปรรูปสะสมระหว่างเดือนม.ค. - มิ.ย. 2566 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดย กยท. ยังคงเฝ้าระวังแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ เยอรมัน ญี่ปุ่น และจีน เริ่มมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการจัดสรรงบและส่งเสริมการลงทุน การยุติการขึ้นดอกเบี้ย การผ่อนคลายนโยบายการเงิน การปรับขึ้นค่าแรง การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว รวมถึง ความต้องการของผลิตภัณฑ์ยางพาราที่มีมากขึ้น
ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ถึงปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อราคายางว่า ปรากฎการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะแหล่งผลิตยางพาราสำคัญของโลก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย โดยเกิดไฟไหม้พื้นที่การเกษตร รวมถึงสวนยางในบางประเทศส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่ลดลง และทำให้ผลผลิตยางพารามีแนวโน้มลดลง 2% ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 แม้จะยังมีปริมาณยางในสต็อกของโลกคงเหลืออยู่แต่ในระยะถัดไปหากแนวโน้มยางในสต็อกลดลง ประเทศผู้ใช้หันมานำเข้าเพิ่มขึ้น
ประกอบกับ รายงานของ IRSG อ้างว่า ตัวเลขผลผลิตยางสะสมตั้งแต่ ม.ค.- มิ.ย. 2566 ในประเทศผู้ผลิตยาง ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้เกิดภาวะอุปทานขาดแคลน (Supply Shortage) เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาซื้อขายยางพาราปรับตัวสูงขึ้นได้
“อุตสาหกรรมยางอาจได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลก นอกจากนั้น ผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากปัจจัยด้านสภาพภูมิอากาศ อาจส่งผลให้ระดับราคาปรับตัวสูงขึ้นได้ ในอนาคต” นางสาวอธิวีณ์