พาณิชย์ดันทูตพาณิชย์เป็นผู้นำทางความคิดขยายตลาดสินค้าไทย
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ดันทูตพาณิชย์ เป็น “KOL” ผู้นำทางความคิด แนะช่องขยายตลาดสินค้าไทยในประเทศต่างๆ เตรียมกำหนดเป็น KPI วัดผลสำเร็จการทำงาน พร้อมเดินหน้าดันส่งออกดิจิทัล คอนเทนต์ไทย รวมถึงบริการ post production หวังโกยรายได้เข้าประเทศ
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ของไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ รวมถึงผู้ช่วย และเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานฯ ให้เป็นผู้นำทางความคิด (KOL : Key Opinion Leader หรือผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องต่างๆ จนสามารถแนะนำ และทำให้ผู้คนสนใจในเรื่องนั้นๆ)
เพราะทูตพาณิชย์ ผู้ช่วย รวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานฯ มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านการตลาด เทรนด์ของสินค้า ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศที่ตนประจำอยู่ รวมถึงศักยภาพของสินค้าไทย หากสามารถเผยแพร่ข้อมูลของประเทศต่างๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับสินค้าไทย ผู้ประกอบการไทย และแนะนำสินค้าไทยเข้าสู่ผู้บริโภคในประเทศต่างๆ บนสื่อโซเชียล และมีผู้ติดตาม ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยขยายตลาดของสินค้าไทยในต่างประเทศได้
“ปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียมาแรงและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และกว้างขวาง อีกทั้งผู้คนยังให้ความสำคัญกับผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด (อินฟลูเอนเซอร์) ยูทูบเบอร์ KOL กรมจึงได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ทำตัวเป็น KOL ตอนนี้ก็มีบางสำนักงานฯที่เริ่มทำแล้ว เช่น โพสต์เรื่องเกี่ยวกับเทรนด์ของสินค้า ความต้องการของผู้บริโภค ช่องทางการเข้าสู่ตลาดของสินค้าไทยในประเทศต่างๆ และกำลังจะกำหนดให้เป็น KPI หรือดัชนีชี้วัดความสำเร็จการทำงานของสำนักงานฯด้วย”
ส่วนการผลักดันการส่งออกอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย ที่นำรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีนั้น กรมเน้นผลักดันและส่งเสริมการส่งออก ใน 2 มิติ คือ การบริการ หรือเป็นฐานรับจ้างผลิตคุณภาพสูงด้าน post production เช่น การตัดต่อ ทำวิชวล เอฟเฟกต์ ฯลฯ และสินค้า ที่ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นผู้นำด้านทรัพย์สินทางปัญญาของภูมิภาค อย่างภาพยนตร์ ซีรีส์ ตัวคาร์แรกเตอร์การ์ตูนที่เคลื่อนไหวไม่ได้ แอนิเมชัน (เคลื่อนไหวได้) ฯลฯ โดยในช่วงหลังปี 66 มีแผนที่จะดำเนินการอีก 17 โครงการ ซึ่งเน้นเจาะตลาดศักยภาพเชิงรุกสำหรับแอนิเมชันและคาแรคเตอร์ / เกมส์ / ภาพยนตร์ และซีรีส์ โดยเฉพาะในตลาดไต้หวัน และญี่ปุ่น
สำหรับกิจกรรมที่จะดำเนินการ เช่น คณะผู้แทนการค้าแอนิเมชันและคาแรคเตอร์ เยือนไต้หวัน วันที่ 24-28 ก.ย.นี้ เพื่อขยายโอกาสและเครือข่ายธุรกิจ พร้อมสอดแทรกซอต์ เพาเวอร์ไทย อย่างมวยไทย เทศกาลสงกรานต์ รถตุ๊กตุ๊ก และสร้างความร่วมมือด้านการร่วมผลิต และ Outsource, งาน Pop-up Thai Cartoons เพื่อจัดแสดงคอนเทนต์ และการ์ตูนไทยที่ญี่ปุ่น วันที่ 26-27 ก.ย.
นอกจากนี้ ยังจะเข้าร่วมงาน Kreatif Malasia Digital Content Festival วันที่ 27 ก.ย.-1 ต.ค.66 และงาน GAMESCOMASIA ที่สิงคโปร์ วันที่ 19-22 ต.ค., เข้าร่วม Asia TV Forum & Market ที่สิงคโปร์ เพื่อขยายตลาดซีรีส์ และละครทีวี ซึ่งเป็นงานที่ Netflix prime และ WeTV, Disney มาเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ, จัดอีเวนต์ขยายตลาดซีรีส์ วาย ที่ญี่ปุ่น วันที่ 25 ต.ค. เป็นต้น
“กิจกรรมต่างๆ ที่กรมจะดำเนินการในช่วงครึ่งหลังปี 66 คาดจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,5000 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรก ทำได้แล้วกว่า 6,788 ล้านบาท รวมทั้งปี 66 ไม่ต่ำกว่า 9,288 ล้านบาท”นายภูสิต กล่าว