โรงแรมที่พักไซส์จิ๋วบูม โอกาสทองจากท่องเที่ยวฟื้น

โรงแรมที่พักไซส์จิ๋วบูม โอกาสทองจากท่องเที่ยวฟื้น

7 เดือนแรกปี 66 ธุรกิจโรงแรมและที่พักผุดเพิ่มกว่า 500 ราย พบบริษัทขนาดเล็กที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้าน ครองตลาด 95.04% สะท้อนศักยภาพธุรกิจของคนตัวเล็ก ชี้ผลจากเศรษฐกิจฟื้น ท่องเที่ยวกลับมา กฎหมายเอื้อต่อธุรกิจขนาดเล็ก

กว่า 3 ปีที่ผ่านมาทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 การปิดประเทศและชะลอการเดินทางส่งผลกระทบอย่างมากกับการดำเนินธุรกิจ หลายธุรกิจต้องหยุดชะงักลงโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและที่พักได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งในปี 2566 สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลง ธุรกิจกลับมาดำเนินกิจการแบบ วิถีปกติใหม่ (New Normal)

จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวตามไปด้วย จากการที่ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยว โดยธุรกิจภาคบริการ ซึ่งข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์  พบว่า ‘ธุรกิจโรงแรมและที่พัก’ มีสัญญาณ การฟื้นตัวเด่นชัด อัตราการเติบโตของธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดใน 7 เดือนแรก โดยตั้งแต่ม.ค.-ก.ค. 2566 มีนิติบุคคลตั้งใหม่จำนวน 546 ราย เพิ่มขึ้นถึง 184 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกัน คิดเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นถึง 51%

โรงแรมที่พักไซส์จิ๋วบูม โอกาสทองจากท่องเที่ยวฟื้น

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ข้อมูลว่า ธุรกิจโรงแรมและที่พักในประเทศไทยที่จดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคลมีจำนวน 12,826 ราย คิดเป็น 1.45% ของธุรกิจทั้งหมด มีมูลค่าทุน 608,777 ล้านบาท คิดเป็น 2.86% ของธุรกิจทั้งหมด หรือ 21.47 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจรูปแบบบริษัทจำกัดจำนวน 11,359 รายคิดเป็น 88.56% มูลค่าทุนจำนวน 574,720 ล้านบาท

ที่น่าสนใจมากก็คือ  ธุรกิจโรงแรมและที่พัก เป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) มากถึง 12,190 ราย คิดเป็น 95.04% นอกนั้นเป็นธุรกิจขนาดกลาง (M) จำนวน 514 ราย คิดเป็น 4.01% และธุรกิจขนาดใหญ่ (L) จำนวน 122 ราย คิดเป็น 0.95% จากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสของธุรกิจรายย่อยที่สามารถพลิกฟื้นวิกฤตธุรกิจโรงแรมและที่พักให้กลับมาเติบโตได้

จากการเปิดประเทศ และเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 มีนักท่องเที่ยวเดินทางในประเทศมากขึ้นมีผู้เข้าพักสูงถึง 71 ล้านคนรวมถึงโรงแรมและที่พักในพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสูงสุดคือ กรุงเทพฯ จำนวน 15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 120.9% และพื้นที่ในภาคใต้ จำนวน 13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 97.7% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศกว่า 12.9 ล้านคน 

มากไปกว่านั้นปัจจัย ‘ด้านกฎหมายที่มีผลบังใช้’ ซึ่งเอื้ออำนวยให้ธุรกิจสามารถนำอาคาร ห้องแถว ตึกแถว หรือโฮมสเตย์มาใช้ประกอบกิจการโรงแรมได้ ทำให้เกิดนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ให้บริการโรงแรมและที่พักมีจำนวนมากขึ้น ราคาที่พักมีความหลากหลาย และยังเกิดรูปแบบใหม่ในการให้บริการที่เป็นเอกลักษณ์ของที่พักในแต่ละท้องถิ่น จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาใช้บริการมากขึ้นสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

โรงแรมที่พักไซส์จิ๋วบูม โอกาสทองจากท่องเที่ยวฟื้น

กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังวิเคราะห์ลึกไปถึง ‘ข้อมูลงบการเงิน’ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ระบุได้ว่าธุรกิจโรงแรมฯ สามารถปรับตัวเดินต่อได้ โดยพบว่า  รายได้รวมในปีงบการเงิน 2565 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 103,491 ล้านบาท คิดเป็น 1.07 เท่าจากปีก่อนหน้า และเมื่อพิจารณาถึงกำไรขาดทุน พบว่า ยังมีการขาดทุนจำนวน 24,162 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยปกติที่มีผลจากการเผชิญวิกฤตในช่วงที่ผ่านมา แต่ประเด็นสำคัญคือ การขาดทุนที่ลดลงกว่า 60.47% จากปีก่อนหน้าเป็นสัญญาณที่ดีบ่งบอกถึงการเติบโตของธุรกิจโรงแรมและที่พักในประเทศไทย

ธุรกิจโรงแรมและที่พักยังเป็นธุรกิจแห่งโอกาสของประเทศไทย ยิ่งการท่องเที่ยวไทยในขณะนี้เป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อีกทั้งในช่วงปลายปีนี้ถือเป็นช่วงไฮซีซันของไทย ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอีกจำนวน ก็ยิ่งจะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดส่งผลต่อธุรกิจโรงแรมและที่พักตามไปด้วย