หอการค้าฯ หนุนมาตรการ ครม.เศรษฐา เชื่อจีดีพี ปีนี้ เติบโต แตะ 3%
หอการค้าไทย หนุนมติครม.ลดราคาดีเซล หั่นค่าไฟ วีซ่าฟรีชั่วคราวนักท่องเที่ยว พักหนี้เกษตร ชี้ดันจีดีพี เพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 0.6 – 0.8% คาดทั้งปีขยายตัวแตะ3% ย้ำขึ้นค่าแรงต้องหารือกก.ไตรภาคี
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหอการค้าไทย ได้มีการหารือและประเมินถึงมาตรการที่ ครม. มีมติออกมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และหอการค้าไทยต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้มีมติช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนของผู้ประกอบการทันที ในการประชุม ครม. ครั้งแรก ตามข้อเสนอเร่งด่วนของภาคเอกชน
สำหรับมาตรการที่ออกมาหอการค้าไทยได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากมาตรการลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลจะช่วยให้ประชาชนลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนการลดราคาน้ำมันดีเซล ระยะเวลาเกือบ 4 เดือน ที่จะใช้เม็ดเงินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากรวม 2 มาตรการดังกล่าวจะทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของประชาชนได้ 3 หมื่นล้านบาท ในส่วนนี้จะช่วยเสริมให้จีดีพี ในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นราว 0.2 – 0.3%
ส่วนมาตรการวีซาฟรีชั่วคราว สำหรับผู้ที่เดินทางจากประเทศจีนและคาซัคสถาน ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 ถึง 29 ก.พ. 2567 ประเมินว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประมาณ 1 ล้านคน โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจะมีการใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 5 หมื่นบาท/คน/ทริป ซึ่งจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมทันที โดยกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพิ่มเติมอีกประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ในส่วนนี้ช่วยเพิ่มการเติบโตของจีดีพี ได้อีกราว 0.4 - 0.5% ประกอบกับมาตรการพักหนี้เกษตรกร-ธุรกิจขนาดเล็ก 3 ปี ที่จะช่วยลดภาระให้ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการที่กำลังฟื้นตัว ทำให้สร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยปลายปีที่จะคึกคักมากขึ้น
ทั้งนี้ จากตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจก่อน ครม.เศรษฐา เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หลายฝ่ายประเมินว่าจีดีพี จะเติบโตได้เพียง 2.5 – 3% นั้น วันนี้ จากชุดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนที่ ครม. พึ่งมีมติออกมา หอการค้าฯ ประเมินว่าน่าจะทำให้เสริมจีดีพี เพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 0.6 – 0.8% และมั่นใจว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ถึง 3% อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการหอการค้าไทย ยังได้สะท้อนให้มีการเร่งใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ยังค้างท่อในปีงบประมาณนี้ที่ยังรอการเบิกจ่ายให้รวดเร็ว เพื่อช่วยเสริมการเติบโตเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายของปี ส่วนประเด็นนโยบายการขึ้นค่าแรง ทางคณะกรรมการหอการค้าฯ เห็นด้วยกับการยกระดับค่าแรงเพื่อให้คุณภาพชีวิตแรงงานดีขึ้นโดยควรเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงานควบคู่ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ได้มีการหารือร่วมกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มาพบกับหอการค้าไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึงข้อห่วงใยของภาคเอกชนที่จำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการไตรภาคีในการกำหนดค่าแรงที่เหมาะสม และเห็นว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่ควรขึ้นเท่ากันทั่วประเทศ