หอการค้าไทย-จีน มั่นใจเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว
หอการค้าไทย-จีน เผย ผลสำรวจความเชื่อมั่นไตรมาส 4 พบนักธุรกิจเชื่อมั่นเศรษฐกิจจีนฟื้นปลายปี หนุนรัฐบาลดัน 3 นโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐ เชื่อมั่น ฟรีวีซ่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน และรายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ลดลง
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทยจีน ได้ทำการสำรวจความเห็นจากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร และกรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีน จำนวน 265 คนระหว่างวันที่ 15 – 25 ส.ค. 2566 เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปี 2566 พบว่าเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2ที่มีอัตราการเจริญเติบโต 6.3 %น้อยกว่าที่ภาคธุรกิจคาดการณ์ไว้ที่7.3 %เพราะมีปัจจัยภายในประเทศที่รอการฟื้นตัว เช่น ปัญหาทางด้านราคาของอสังหาริมทรัพย์ ภัยพิบัติจากน้ำท่วม และการชะลอตีวของการส่งออก
การสำรวจของหอการค้าไทยจีนพบว่า 59.2% มีความมั่นใจพอควร ที่คิดว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี 2566 จากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทย ใน 7 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยจำนวน 1.8 ล้านคน ซึ่งเป็นความท้าทายกว่าจะถึงเป้าหมาย 5 ล้านคนของปีนี้หรือไม่ แต่หอการค้าฯมีข้อสังเกตว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยในปีนี้ เป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีค่าใช้จ่ายต่อคนค่อนข้างสูง จากการสำรวจพบว่า 63 %มีความเชื่อว่ารายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ลดลงและอาจจะเพิ่มขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวคุณภาพดังกล่าว
ในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น 69.4 %เห็นด้วยว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะคาดว่าแนวโน้มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นและการส่งออกที่ค่อยค่อยจะปรับตัวดีขึ้นในปลายปี ในขณะที่19.6 %มีความมั่นใจมากต่อแนวโน้มดังกล่าว ทั้งนี้หากพิจารณาถึงสินค้าที่จะส่งออกได้ดีประกอบไปด้วยสินค้า 4 รายการ คือ สินค้าเกษตรพื้นฐาน สินค้าเกษตรแปรรูป ประเภทอาหาร อาหารทะเล และเครื่องดื่ม สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วน ตามลำดับ
หากจะพิจารณาการใช้ประโยชน์จากข้อตกลง RCEP ต่อการค้ากับจีนแล้ว ผู้ที่ตอบแบบสำรวจที่มีการค้ากับจีน (208 ราย จากที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 265 ราย) พบว่า 12.5 %ใช้ประโยชน์เป็นอย่างมาก 35.1 %ใช้ประโยชน์พอควร และ16.6 %ใช้ประโยชน์น้อย ตามลำดับ ขณะที่ 31.25 %ไม่ได้ใช้ประโยชน์เลยจากข้อตกลง RCEP การค้าระหว่างไทยกับจีนสามารถมีความสัมพันธ์ได้มากขึ้นอีกผ่านการกระตุ้นให้ใช้ประโยชน์จากข้อตกลง RCEP
ทั้งนี้ในการสำรวจได้มีการสอบถามถึงนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลใหม่ควรต้องทำอย่างเร่งด่วนและพบว่า 3 นโยบายแรกที่สำคัญที่สุด คือเรื่องการเงิน การแก้ไขปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือน การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับลดต้นทุนพลังงาน ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่มีความสำคัญรองลงมาคือ การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเร่งกระตุ้นการส่งออก ส่วนการคาดการณ์เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ร้อยละ 72.8 คิดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะปรับเพิ่มขึ้นอีกก่อนสิ้นปี 2566
ส่วนผลการสำรวจ การคาดการณ์ในไตรมาสที่สี่โดยเปรียบเทียบกับไตรมาสสามของปีนี้ สมาชิกหอการค้าไทย-จีนและสมาพันธ์หอการค้าไทย-จีน 40.4 %ลงความเห็นว่าเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนโดยรวมของจีนจะยังทรงตัว ขณะที่ 30.6 %คิดว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะปรับตัวดีขึ้น 41.5 %คิดว่าการส่งออกไทยไปจีนยังคงทรงตัวกล่าวได้ว่าสถานการณ์ของจีนไม่น่าจะแย่ลง และมีโอกาสที่จะฟื้นก่อนสิ้นปี ส่วนการนำเข้าของไทยจากจีนนั้น 46.8 %คาดว่าการนำเข้าของไทยจากจีนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ 45.7 %คาดว่าจะมีการลงทุนจากจีนในประเทศไทยเพิ่ม คาดว่านโยบายจีนจะมีการรุกตลาดพันธมิตรมากขึ้นเพื่อแก้ไขภาวะการส่งออกที่ชะลอตัว และมีการกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ