'สุรพงษ์' ถก 8 หน่วยงานคมนาคม จี้เตรียมเบิกจ่ายงบปี 67
“สุรพงษ์” สั่ง 8 หน่วยงานภายใต้การกำกับ เร่งทบทวนปรับคำของบฯ ปี 2567 ให้สอดรับนโยบายรัฐบาล ส่งคมนาคมภายใน ก.ย.นี้ พร้อมกำหนดเดินสายมอบนโยบาย ร.ฟ.ท.หน่วยแรก จี้สางหนี้สะสม 2.7 แสนล้านบาท
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหาร 8 หน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยระบุว่า ตนได้กำชับให้ทุกหน่วยงานทบทวน และปรับคำขอเสนองบประมาณ ให้มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเน้นย้ำว่าจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ เสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคมภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อเตรียมเสนอสำนักงบประมาณภายในวันที่ 6 ต.ค.2566
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ประมาณเดือน เม.ย.2567 ส่วนตั้งแต่เดือน ต.ค.2566 ซึ่งเดิมจะต้องเริ่มใช้งบประมาณปี 2567 ทางสำนักงบประมาณให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน ดังนั้นทุกหน่วยงานจึงต้องเตรียมพร้อมต่อการผลักดันงบประมาณประจำปีให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนการจัดทำงบประมาณปี 2568 ยังคงให้ยึดตามนโยบายของรัฐบาลเช่นกัน
สำหรับ 8 หน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย
- กรมการขนส่งทาง (ขร.)
- การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
- บริษัท เอสอาร์ที แอสเสจ จำกัด
- บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.)
- การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
- กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)
- บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
- บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ประเด็นของการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยฯ ได้ติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2566 โดยสั่งการให้ทุกหน่วยเบิกจ่ายงบประมาณปี 2566 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80-90% อีกทั้งยังให้แต่ละหน่วยรายงานขอบเขตหน้าที่การทำงาน และปัญหาอุปสรรคในการทำงานด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีช่วยฯ ได้มอบให้ทุกหน่วยงานนำนโยบายของรัฐบาลมาใช้เป็นหลักในการปฏิบัติงาน อาทิ สั่งการให้ กรมการขนส่งทางบก นำระบบดิจิทัลมาใช้ในงานบริการด้านขนส่ง เพื่อความสะดวกในการติดต่อราชการ และลดขั้นตอนในการเดินทางมายังสถานที่ราชการ รวมทั้งให้แก้ปัญหาการให้บริการของรถที่เรียกผ่านแอพพลิเคชัน และรถในระบบให้มีความสมดุลกัน
นอกจากนี้ สั่งการให้ บวท.เตรียมความพร้อมบริหารจัดการจราจรทางอากาศ เพื่อรองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายวีซ่าฟรีของรัฐบาลที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน เริ่มในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ประมาณปลายเดือน ก.ย.นี้
อีกทั้งยังสั่งการให้ ร.ฟ.ท. เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ไปสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เพราะจากข้อมูลพบว่า ที่ดินภายใต้การบริหารของ ร.ฟ.ท. ประเมินแล้วมีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบัน ร.ฟ.ท. สามารถนำไปหารายได้ได้เพียงแค่ 3 พันล้านบาท หรือประมาณ 1% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2567 พบว่า ร.ฟ.ท. เตรียมเสนอ ครม. ขอกู้เงินอีก 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ ร.ฟ.ท. มีหนี้สินอยู่ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท และปี 2565 ขาดทุนอยู่ประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้รัฐมนตรีช่วยฯ มีนโยบายให้ ร.ฟ.ท.หารายได้เพิ่มเติม
“รัฐมนตรีช่วยฯ ได้สั่งการให้ทั้ง 8 หน่วยงาน กลับไปกำหนดวันที่พร้อมจะให้เข้าไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะทยอยเริ่มหลังจากนี้ และคาดว่าจะเริ่มที่การรถไฟฯ เป็นหน่วยงานแรก เนื่องจากการรถไฟฯ มีรายละเอียดงานที่ต้องรับผิดชอบจำนวนมาก”