1 ธ.ค.นี้ ดีเดย์สายสีม่วง 20 บาท รฟม.เปิดเงื่อนไขส่วนลดเชื่อมรถไฟฟ้าสายอื่น
บอร์ด รฟม. เคาะหั่นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเหลือสูงสุด 20 บาท เตรียมเสนอ "คมนาคม" ดันเข้า ครม. ดีเดย์ใช้ 1 ธ.ค.นี้ คาดสูญรายได้ 190 ล้านบาทต่อปี
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) วันนี้ (28 ก.ย.) โดยระบุว่า ที่ประชุมบอร์ดมีมติเห็นชอบกำหนดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) สูงสุด 20 บาท ปรับลดจากเดิมมีอัตรา 14 - 42 บาท โดยจะมีผลใช้ตั้งแต่ 1 ธ.ค.2566 เป็นต้นไป อีกทั้งผู้โดยสารยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าจากสายสีม่วงไปสู่รถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยยกเว้นค่าแรกเข้า และคิดอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท
ทั้งนี้ รฟม. เตรียมนำมติบอร์ดฯ ที่เห็นชอบปรับอัตราค่าโดยสารดังกล่าวเสนอไปยังกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เพื่อนำข้อมูลไปรวมกับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ ซึ่งหากมีการใช้อัตราค่าโดยสารดังกล่าว จะส่งผลให้รายได้ค่าโดยสารสายสีม่วงลดลงประมาณ 190 ล้านบาทต่อปี หรือลดลงประมาณ 60% ของรายได้ผู้โดยสารที่มีเฉลี่ยปีละ 300 ล้านบาท
อีกทั้ง คาดว่าเมื่อเริ่มใช้นโยบายดังกล่าว จำนวนผู้โดยสารสายสีม่วงจากเพิ่มขึ้นประมาณ 1 หมื่นคนต่อวัน หรือคิดเป็น 17% จากปกติมีผู้โดยสารใช้บริการอยู่ 5.6 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 6.6 หมื่นคนต่อวัน โดยมีการเดินทางเฉลี่ยอยู่ที่ 8 สถานี จากจำนวนทั้งหมด 16 สถานี ค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 23 บาท ส่วนการเดินทางข้ามสายระหว่างสายสีม่วงกับสายสีแดง ปัจจุบันยังมีจำนวนไม่มาก หรืออยู่ที่ประมาณ 100 - 200 คนต่อวัน
ส่วนในเรื่องของการแบ่งรายได้ จะใช้วิธีการเก็บจากสถานีต้นทาง หากผู้โดยสารขึ้นที่สถานีสายสีม่วง รฟม.ก็จะเป็นผู้รับรายได้ในส่วนนั้นไป แต่หากผู้โดยสารขึ้นจากรถไฟฟ้าสายสีแดง ร.ฟ.ท.จะได้รายได้ในส่วนนั้น โดยทั้งหมดนี้ผู้โดยสารจะต้องใช้จ่ายบัตรผ่านเครดิต หรือเดบิต (EMV) ไม่สามารถใช้จ่ายผ่านเงินสด ระบบเหรียญ หรือบัตรโดยสารของรถไฟฟ้าแบบเฉพาะแต่ละโครงการได้ ส่วน รฟม.จะต้องชดเชยรายได้ที่สูญไปเป็นระยะเวลากี่ปีนั้น เบื้องต้นขอพิจารณาการดำเนินงาน 1 ปีหลังจากนี้ก่อน แต่หากผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 17% ต่อปี ก็คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี ถึงจะคืนทุน โดยไม่ต้องชดเชยรายได้
ในส่วนของรายได้ที่ รฟม.จะนำมาชดเชยนั้น จะเป็นรายได้จากเงินที่เคยนำส่งกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นรายได้ส่วนแบ่งค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยสถิติที่ผ่านมา รฟม.นำรายได้ส่งกระทรวงการคลัง อยู่ที่ประมาณ 20-25% ต่อปี ของกำไรสุทธิ แบ่งเป็น ปี 2563 มีรายได้นำส่งคลังอยู่ที่ 300 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้นำส่งคลังอยู่ที่ 467 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้นำส่งคลังอยู่ที่ 311 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีรายได้นำส่งคลังอยู่ที่ 223 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าในปี 2567 รฟม.จะนำเงินส่งกระทรวงการคลังลดลง เพราะต้องนำเงินมาบริหารสายสีม่วง
นายภคพงศ์ กล่าวด้วยว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยเบื้องต้น รฟม. ได้มีการหารือร่วมกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีเอ็ม ซึ่งทางเอกชนอยู่ระหว่างประเมินตัวเลขเกี่ยวกับการชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจากนโยบายดังกล่าว นอกจากนี้ ได้รับทราบจากกระทรวงคนาคม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการเพื่อเจรจาร่วมกับภาคเอกชน
ทั้งนี้ ผลการพิจารณาของบอร์ด รฟม. มีรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้ 1. กำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เป็นสูงสุดไม่เกิน 20 บาท (จากอัตราค่าโดยสารปัจจุบัน สูงสุด 42 บาท) ตลอดระยะเวลาเปิดให้บริการ (05.30 น. – 24.00 น.) ทั้งนี้ เด็ก/ผู้สูงอายุ จะได้รับส่วนลด 50% และนักเรียน/นักศึกษา จะได้รับส่วนลด 10% จากอัตราค่าโดยสารใหม่
2. การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ผู้โดยสารยังคงได้รับส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบในอัตราปัจจุบัน
3. การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดง) (ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท.) กำหนดอัตราค่าโดยสารของทั้ง 2 สาย สูงสุดไม่เกิน 20 บาท โดยจะต้องเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที และใช้บัตรโดยสารใบเดียวกัน
4. การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ผู้โดยสารจะได้รับส่วนลด เมื่อเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ภายในระยะเวลา 30 นาที และใช้บัตรโดยสารใบเดียวกัน ทั้งนี้ ปัจจุบัน รฟม. ยังอยู่ระหว่างติดตามตรวจสอบความพร้อมและความเหมาะสมในภาพรวมทั้งหมดของโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ก่อนกำหนดวันเปิดให้ประชาชนร่วมทดลองโดยสารฟรี และกำหนดวันเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ซึ่ง รฟม. จะประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ชัดเจนให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป