"สันติธาร" แนะเร่งปรับกฎหมาย-เพิ่มทักษะแรงงาน เพิ่มโอกาสเศรษฐกิจไทย
“สันติธาร” ชี้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาทำเติบโตต่ำศักยภาพ ชี้ยกตัวอย่างเหมือนนักกีฬาสูงวัยที่ป่วย ต้องผ่าตัดโดยการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจ แนะรัฐบาลเร่งปรับทักษะแรงงาน มุ่งรีสกิล อัพเกรดเรื่องAI ก่อนถูกลืมจากเวทีโลก
ดร.สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาอาวุโส Global Counsel และอดีตกรรมการผู้จัดการ Sea Ltd.กล่าวในหัวข้อ “The Risk and Opportunity โอกาส ก้าวข้ามความเสี่ยงเศรษฐกิจไทย 2024” ในงาน “Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today” จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” วันนี้ (4 ต.ค.) ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยถูกมองว่าอยู่ในระดับกลางๆของอาเซียนโดยความน่าสนใจในเรื่องการเข้ามาลงทุนน้อยกว่าสิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนิเซีย และมาเลเซีย ส่วนหนึ่งเพราะว่าความสามารถในการแข่งขันของไทยในเรื่องเศรษฐกิจน้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีต
โดยโอกาสของประเทศไทยนั้นแม้ว่าจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้งในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความขัดแย้ง และการลงทุนของบริษัทระดับโลกเริ่มมีการออกจากประเทศจีนเพื่อมาขยายการลงทุนในอาเซียน แต่ประเทศไทยไม่ใช่จุดหมายปลายทางแรกของการย้ายฐานเข้ามาลงทุน แต่การมาลงทุนในไทยเพื่อกระจายความเสี่ยงหลังจากลงทุนในบางประเทศมากแล้ว เช่น อินโดนิเซีย หรือเวียดนาม แต่แม้ว่าเหตุผลนั้นเราก็ต้องคว้าโอกาสนั้นไว้เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบไปเศรษฐกิจของไทยในวันนี้เหมือนกับนักกีฬาสูงวัยที่มีอาการป่วย และปัญหาของการเป็นนักกีฬาสูงวัยคือการแก้ปัญหาหลายอย่างต้องใช้เวลา และสมรรถนะร่างกายที่ตกลงก็เหมือนกับเศรษฐกิจที่เติบโตลดลง จะเห็นว่าเศรษฐกิจของไทยนั้นขยายตัวได้ประมาณ 3% และในปีนี้เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ต่ำกว่า 3% นอกจากนั้นในช่วงที่การฟื้นตัวจากโควิด-19 สิ่งที่เห็นคือหลายประเทศมีช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตสูงไประดับ 7 – 8% แต่เศรษฐกิจไทยกลับเติบโตแค่ระดับ 1-2% เท่านั้นซึ่งสะท้อนศักยภาพของเศรษฐกิจที่ลดลงชัดเจน
“เมื่อรัฐบาลต้องการมีเศรษฐกิจที่เติบโต ก็จะต้องหวังเรื่อของการกระตุ้น ซึ่งปัญหาที่ตามมามีผลข้างเคียงเช่น เรื่องหนี้ที่สูงขึ้นทั้งภาคครัวเรือนและหนี้สาธารณะ เหมือนนักกีฬาที่ถูกบังคับให้เล่นทั้งที่มีอาการบาดเจ็บหรือใช้ยากระตุ้นระยะสั้น สุดท้ายก็จะมีอาการบาดเจ็บตามมาอีก”
เมื่อถามว่าวันนี้ความเสี่ยงของประเทศไทยที่มากที่สุดคืออะไร ดร.สันติธารกล่าวว่า คือการเป็นนักกีฬาที่ถูกลืมจากเวทีโลก ทำอย่างไรให้นักกีฬาสูงวัยจะสามารถกลับมาเป็นผู้เล่นตัวจริงได้ เพราะหากมองไปแล้วนักกีฬาสูงวัยหลายคนยังสามารถที่จะเล่นได้อย่างโดดเด่น และมีอย่างน้อย 4 ข้อที่ทำได้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถแข่งขันต่อไปได้ ดังนี้
1.การออกไปหาตลาดและเชิญชวนการลงทุนจากภายนอกประเทศ ซึ่งเรื่องนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังกำลังทำอยู่ เพราะเรื่องนี้เปรียบไปแล้วก็เหมือนนักกีฬาสูงวันที่ แมวมองจะไม่มาหาเรา เราต้องไปหาแมวมองเองแล้วบอกว่าประเทศไทยเหมาะที่จะลงทุนอย่างไร ไปเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อให้เข้ามาลงทุนในไทย
2. การผ่าตัดเพื่อซ่อมแซม เพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตต่อไปได้ เหมือนกับนักกีฬาที่มีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง การผ่าตัดของเราคือการผ่าตัดกฎกติกาที่เป็นอุสรรคต่อการทำธุรกิจ (regulatory guillotine) ซึ่งทำให้ต้นทุนของธุรกิจลดลง และอุปสรรคในการทำธุรกิจลดลงด้วยซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
3.ประเทศไทยต้องเป็นนักกีฬาที่เล่นให้ฉลาดมากขึ้น หมายความว่าเล่นบทบาทที่ชาญฉลาดมากขึ้นในตลาดโลก รวมทั้งต้องพัฒนาแรงงานในประเทศที่มีทักษะมากขึ้น โดยเฉพาะทักษะเรื่อง AI Transformation ปรับทักษะ (Re skills) โดยในเรื่องนี้ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยเป็นที่สนใจในการดึงการลงทุนจากบริษัทระดับโลกซึ่งเรื่องนี้ ต้องขับเคลื่อนกันทั้งสังคม เคลื่อนไปด้วยกัน ทั้งรัฐบาล เอกชน ต้องทำงานร่วมกันคิดโจทย์ให้ครบทั้งหมดเพื่อทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
4.การใช้ยากระตุ้น ซึ่งนักกีฬาสูงวัยบางครั้งก็ต้องใช้บ้าง ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นบางทีก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะกระสุนทางการคลังมีน้อยลง ต้องใช้อย่างระวัดระวังและต้องทำด้วยความโปร่งใส และการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องช่วยให้เกิดการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวได้ด้วย