กระทรวงเกษตรฯไล่จับยางเถื่อน ทำราคาสูงขึ้นทันที

กระทรวงเกษตรฯไล่จับยางเถื่อน ทำราคาสูงขึ้นทันที

กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าตามนโยบายแก้ไขปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่ผิดกฎหมาย เริ่มดำเนินการที่สินค้ายางพารา ต้องรายงานผลทุก 15 วัน ส่งผลให้ราคายางขยับเพิ่มสูงขึ้น

นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าด้านพืชที่ผิดกฎหมาย ครั้งที่ 1/2567 ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ว่า 

กระทรวงเกษตรฯไล่จับยางเถื่อน ทำราคาสูงขึ้นทันที

จากนโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการประกาศสงครามการลักลอบสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยที่ประชุมได้หารือแนวทางการตรวจสต็อกยางตามแนวชายแดน เพื่อลดผลกระทบด้านราคายางพาราที่เกษตรกรได้รับ โดยมีการลงไปตรวจการเคลื่อนย้ายยาง ตั้งจุดสกัด และกำหนดให้มีการรายงานผลมายังคณะทำงานแก้ไขปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าด้านพืชที่ผิดกฎหมายทุก 15 วัน

 

พร้อมทั้งได้พิจารณาแผนการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และแผนการตรวจสอบปริมาณยางคงเหลือ ซึ่งจากการเร่งรัดในหลาย ๆ มาตรการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งผลให้ราคายางพาราขยับเพิ่มสูงขึ้น จากวันที่ 4 ก.ย. 66 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 5 ต.ค. 66 

ดังนี้ น้ำยางสด จาก 45 บาท/กก. เป็น 49.20 บาท/กก. ยางก้อนถ้วย จาก 42.17 บาท/กก. เป็น 46 บาท/กก. ยางแผ่นดิบ จาก 45.95 บาท/กก. เป็น 48.75 บาท/กก. และยางแผ่นรมควันชั้น 3 จาก 50.82 บาท/กก. เป็น 52.55 บาท/กก. (ที่มา : การยางแห่งประเทศไทย) จึงต้องมีการดำเนินการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ ในปี 2566 ปริมาณยางพารากว่าร้อยละ 90 มีการส่งออกผ่านด่านที่สำคัญ ได้แก่ ด่านแหลมฉบัง ร้อยละ 50.52 ด่านปาดังเบซาร์ ร้อยละ 26.07 และด่านสะเดา ร้อยละ 15.13

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมวิชาการเกษตร สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร สำนักวิจัย และพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 (ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี ) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก. ปคบ.) เข้าตรวจร้านจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร จังหวัดกาญจนบุรี

กระทรวงเกษตรฯไล่จับยางเถื่อน ทำราคาสูงขึ้นทันที กระทรวงเกษตรฯไล่จับยางเถื่อน ทำราคาสูงขึ้นทันที

 พบการจำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมาย จำนวน 3 รายการ ซึ่งผู้ที่มีไว้ครอบครองมีความผิด ดังนี้ 1) การครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2) การมีครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ไม่มีทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน สามแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ