ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่งเกือบ 6% หลังสหรัฐยกระดับคว่ำบาตรรัสเซีย
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันศุกร์(13ต.ค)ปรับตัวขึ้น 5.8% หลังทางการสหรัฐได้ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบที่ส่งออกมาจากรัสเซีย ซึ่งส่งกระทบต่อซัพพลายน้ำมันในตลาดพลังงานที่ค่อนข้างตึงตัวอยู่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก 5.8% ปิดที่ราคา 87.7 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนธ.ค.ทะยานขึ้น 4.89 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ราคา 90.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
การซื้อขายได้รับอิทธิพล หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทชิปปิง 2 แห่งเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) ซึ่งสหรัฐอ้างว่าละเมิดเพดานราคาน้ำมันของกลุ่ม G7 โดยเพดานราคาน้ำมันดังกล่าวเป็นกลไกควบคุมซัพพลายน้ำมันจากรัสเซีย และเป็นช่องทางสกัดรายได้ของรัสเซียในการใช้ทำสงคราม
กระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อ "ลดกำไรจากการค้าน้ำมันของรัฐบาลรัสเซีย" เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปก เปิดเผยในรายงานรายเดือนในวันพฤหัสบดีว่า ตลาดน้ำมันโลกโดยส่วนใหญ่ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2567
นอกจากนี้ การที่อิสราเอลประกาศโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซาทำให้นักลงทุนวิตกว่าสงครามจะขยายวงกว้างขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของประเทศในตะวันออกกลาง
นายจาวาด อูซี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่านเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ราคาน้ำมันอาจจะสูงถึง 100 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากสถานการณ์ปัจจุบันในตะวันออกกลาง