พลังงานเล็งหั่นราคา ‘แก๊สโซฮอล์ 91’ ลง 2.50 บาท

พลังงานเล็งหั่นราคา ‘แก๊สโซฮอล์ 91’ ลง 2.50 บาท

สำหรับกรอบเวลาคงต้องเหมือนน้ำมันดีเซลที่ตรึงราคา 3 เดือน และภายใน 1 สัปดาห์นี้ จะได้ข้อสรุปว่าจะใช้เครื่องมือผ่านการลดภาษีหรือใช้กลไกสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เข้ามาดูแล หรือจะใช้ทั้ง 2 อย่างร่วมกัน ก่อนจะเสนอ ครม.ได้ในสัปดาห์ถัดไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ระบุ มาตรการลดราคาน้ำมันเบนซิน (แก๊สโซฮอล์ 91) ลงลิตรละ 2.50 บาท ภายใต้โครงสร้างราคาน้ำมันปัจจุบัน ซึ่งรัฐต้องสนับสนุนราคาน้ำมันเพื่อช่วยเหลือประชาชน ในภาวะที่ราคาน้ำมันต้นทางจนถึงปลายทางนั้นมีราคาที่ต่างกัน สิ่งที่ทำได้ง่ายคือ การปรับลดรายได้ภาครัฐ ถือเป็นการดำเนินการเฉพาะหน้า

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการระยะยาวต้องดูว่าสิ่งที่ประกอบปลายทางแต่ละช่วงจะลดได้หรือไม่ และต้องอยู่ภายใต้ความเป็นธรรม ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะลดราคาน้ำมันเบนซินด้วย ถือเป็นนโยบายรัฐบาล และด้วยความโชคดีที่พรรคตนมีนโยบายเหมือนกัน

วันที่นำเรื่องลดน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 29.94 บาท ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2566 โดยลดการจัดเก็บภาษีดีเซลลงลิตรละ 2.50 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องเบนซินนั้นถือว่ายุ่งยาก จึงเอาดีเซลเข้าไปก่อน หลายคนมองว่าไม่เป็นธรรมกับเบนซิน และควรเป็นภาพรวม จึงเห็นว่าเบื้องต้นควรลดราคาเท่ากับดีเซลคือ ลิตรละ 2.50 บาท

สำหรับกรอบเวลาคงต้องเหมือนน้ำมันดีเซลที่ตรึงราคา 3 เดือน และภายใน 1 สัปดาห์นี้ จะได้ข้อสรุปว่าจะใช้เครื่องมือผ่านการลดภาษีหรือใช้กลไกสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เข้ามาดูแล หรือจะใช้ทั้ง 2 อย่างร่วมกัน ก่อนจะเสนอ ครม.ได้ในสัปดาห์ถัดไป

ทั้งนี้ การที่ช่วยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ 91 ก่อน อย่างที่บอกว่าไม่มีทางทำให้ทุกคนได้หมด เหมือนที่เลือกช่วยดีเซลคือ เลือกตัวที่ราคาต่ำสุด แบกรับภาระให้ภาครัฐน้อยสุด  และช่วยประชาชนได้ โดยใช้มาตรฐานเดียวกับดีเซลคือ เอามาตรฐานเนื้อน้ำมันราคาต่ำสุดมาลด เพื่อลดภาระรัฐ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ทุกวันนี้จากสถิติที่ตรวจสอบก็ยังมีคนใช้อยู่ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ต้องเลือกว่าอันไหนทำได้ถูกและเร็ว

ร่างกฎหมายคุมค่าการตลาดใหม่

สำหรับนโยบายค่าการตลาดน้ำมันเหลือไม่เกินลิตรละ 2 บาท มีข้อติดขัดทางกฎหมายที่ไม่เอื้อให้สั่งการผู้น้ำมันได้ ดังนั้น จะมีการยกร่างกฎหมายในส่วนนี้ รวมทั้งจะพิจารณากฎหมายในภาพรวมทั้งหมด ล่าสุดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา1ชุด เพื่อพิจารณาแล้ว มีตัวแทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายอธึก อัศวานันท์ เป็นประธาน และมีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง กำหนดให้มีรายงานความคืบหน้าทุก 30 วัน

ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างยกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเกษตรกรและชาวประมง เพื่อจัดหาน้ำมันราคาถูกให้กลุ่มเกษตรกรใช้ ในลักษณะคล้ายน้ำมันเขียวของชาวประมง คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้ ส่วนราคาจะถูกลงเช่นเดียวกับน้ำมันเขียวประมง (ถูกกว่าลิตรละ 6 บาท) ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม วงเงินอุดหนุน จำนวนเกษตรกร และสีใดที่เหมาะสม แต่ถูกกว่าราคาขายปลีกทั่วไปแน่นอน โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบ จากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภา โดยยืนยันว่าจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อให้เกษตรกรได้ใช้น้ำมันราคาถูกภายในปี 2566 นี้

สำหรับการบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 วันที่ 1 ม.ค.2567 ยังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบ เนื่องจากจะส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 15 สตางค์ต่อลิตร อีกทั้งต้องเทียบเคียงมาตรฐานกับอีกหลายประเทศ เพราะเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่กระทรวงพลังงานจะดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียว และน้ำมันเป็นเพียงภาคส่วนหนึ่งเท่านั้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวัน หากคิดอัตราที่ต้องสนับสนุน 2.50 บาทต่อลิตร จะเป็นเงินอุดหนุนอยู่ที่วันละประมาณ 18 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 500 ล้านบาท รวมการช่วยเหลือ 3 เดือนจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท 

ดังนั้นแนวทางที่ดีที่สุดคือการลดภาษีน้ำมันเบนซิน ซึ่งจากนโยบายของรัฐบาลที่นายเศรษฐา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย จึงมองว่า การลดภาษีเบนซินร่วมด้วยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร