รัฐบาลส่อเลื่อนแจกเงินดิจิทัล เหตุต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบ

รัฐบาลส่อเลื่อนแจกเงินดิจิทัล เหตุต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบ

“จุลพันธ์”เผย รัฐบาลอาจเลื่อนกำหนดการแจกเงินดิจิทัลจาก 1 ก.พ.67 เหตุต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ยืนยัน จะให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีหน้า ขณะที่ ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งเรื่องแหล่งเงิน และเงื่อนไขการแจก

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดในวันที่ 1 ก.พ.นี้ สาเหตุสำคัญ คือ การพัฒนาระบบเพื่อรองรับการแจกเงิน อาจจะมีความล่าช้า เนื่องจาก ต้องทำให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด แต่ยืนยันว่า เราจะดำเนินการให้แล้วเสร็จและสามารถแจกเงินได้ทันภายในไตรมาสแรกของปีหน้า

“ท่านนายกรัฐมนตรีมอบโจทย์ไว้ว่า เราจะแจกเงินภายในวันที่ 1 ก.พ.67 แต่ผมก็พร้อมที่จะไปบอกว่า ไม่ทัน ด้วยเหตุผลที่ให้ คือ ถ้าเราต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาระบบ เพื่อทำให้เกิดความเสถียร ปลอดภัย เราก็ต้องทำ ฉะนั้น เราจะเอาเรื่องของระบบมาแลกกับเวลาไม่ได้เลย”

สำหรับเรื่องของแหล่งเงิน และ เงื่อนไขในการแจกนั้น ทางฝ่ายเลขาอนุกรรมการที่จะเป็นฝ่ายที่จะสรุปเรื่องดังกล่าวมาเสนอต่อที่ประชุมในวันนี้นั้น ได้รับแจ้งว่า ยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดเรื่องดังกล่าวได้ ดังนั้น ทางคณะอนุกรรมการจึงเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันอังคารที่ 24 ต.ค.นี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เราจะรีบเสนอไปยังคณะกรรมการชุดใหญ่ทันที

 

ทั้งนี้ เกี่ยวกับการพิจารณาในประเด็นเรื่องการกำหนดเงื่อนไขว่า จะแจกเงินแก่กลุ่มใด เขากล่าวว่า มีการมองในเรื่องการแจกเงินที่ควรเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มที่เปราะบาง และควรทยอยแจกเป็นระยะเวลา 10 เดือน เป็นต้น แต่รัฐบาลเห็นว่า ถ้าเราดำเนินตามเงื่อนไขดังกล่าว จะเป็นนโยบายในลักษณะนโยบายสังเคราะห์ คล้ายกับบัตรคนจน ซึ่งจะแตกต่างจากนโยบายที่รัฐบาลเสนอ โดยหลักการของการเดินนโยบายนี้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก รัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลผสม ฉะนั้น ในรายละเอียดเรื่องของนโยบายอาจต้องปรับให้เหมาะสม ส่วนข้อเสนอเรื่องการยกเว้นการแจกเงินคนรวยนั้น ขณะนี้ ยังไม่มีข้อสรุปว่า คนมีรายได้ระดับใด คือ คนรวย บางคนบอกว่า มีเงินเดือน 2 หมื่นบาทก็รวยแล้ว แต่สำหรับรัฐบาลมองว่า คนชั้นกลางก็ลำบากมานาน ที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก ฉะนั้น นโยบายนี้ ก็ควรให้โอกาสแก่คนกลุ่มนี้ด้วย 

“หลักของนโยบายนี้ คือ ต้องการให้เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจีดีพีของเรานั้น โตต่ำมาตลอดถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร จีดีพีก็จะต่ำกว่านั้น แต่หากเราเดินนโยบายนี้ เชื่อว่า จีดีพีจะขยายตัวได้ใกล้ 5%”

เขากล่าวว่า ไม่กังวลว่า โครงการนี้ จะเหมือนกับโครงการจำนำข้าวในอดีต โดยเชื่อมั่นว่า ด้วยระบบที่รัฐบาลกำลังพัฒนานี้ และระบบการติดตามการตรวจสอบการทุจริต จะทำให้เรามั่นใจว่า จะไม่มีเหตุการณ์ทุจริตได้ แต่ถ้าหากมีการทุจริต รัฐบาลจะมีการดำเนินคดีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ รัฐบาลจะกำหนดให้มีการยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการนี้ ซึ่งจะเป็นไปตามข้อกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคนที่เคยยืนยันตัวตนในโครงการของรัฐบาลที่แล้ว 40 ล้านคน ก็ไม่ต้องยืนยัน แต่ต้องมากดรับสิทธิ์ ส่วนคนที่ไม่เคยยืนยันตัวตน ก็ต้องมายืนยันตัวตน ส่วนคนที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบสมาร์ทโฟนได้ ทางรัฐบาลจะมีแนวทางพิเศษเพื่อผ่อนปรนให้

ในส่วนร้านค้าที่จะขึ้นเงินสดในขั้นตอนสุดท้ายนั้น จะต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ขณะเดียวกันรัฐบาลจะสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าถือเงินไว้ก่อน เพื่อให้เงินหมุนในระบบนานขึ้น แต่หากต้องการขึ้นเงินสด ก็สามารถทำได้ทันที

สำหรับผู้พัฒนาระบบการแจกเงินดิจิทัลนี้ รัฐบาลกำหนดให้สมาคมธนาคารเป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้อห่วงใยที่ว่า จะว่าจ้างบริษัทเอกชนรายใดรายหนึ่งมาดำเนินการ และเม็ดเงินที่จะนำมาพัฒนานั้นก็ไม่ได้อยู่ในหลักหมื่นล้านบาทแน่นอน โดยจะไม่อยู่ในหลักที่น่าตกใจ ส่วนเงื่อนไขการกำหนดระยะทางในการใช้จ่ายนั้น ขณะนี้ ยกเลิกเงื่อนไขการใช้จ่ายภายใน 4 กิโลเมตรจากที่อยู่แล้ว โดยการพิจารณาจะอยู่ในเขตตำบล อำเภอ และ จังหวัด เท่านั้น