สภาพัฒน์แนะเร่งปรับทัศนคติ”ของต้องมี”คนรุ่นใหม่ก่อหนี้ครัวเรือน

สภาพัฒน์แนะเร่งปรับทัศนคติ”ของต้องมี”คนรุ่นใหม่ก่อหนี้ครัวเรือน

สภาพัฒน์ชี้ทัศนคติคนรุ่นใหม่ก่อหนี้เร็วและนานขึ้น ทั้งยังมีวลีหลัก”ของต้องมี”เข้ามาสนับสนุน ทำให้ระดับหนี้ครัวเรือนด้านการบริโภคของประเทศเพิ่มต่อเนื่อง แนะสศค.ช่วยปรับทัศนคติเพิ่มทักษะการเงินแบบเฉพาะกลุ่ม

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)กล่าวระหว่างเสวนาหัวข้อถอดรหัสแผนที่การเงินครัวเรือนไทย สร้าง Financial Well-being จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ว่า ในระยะหลัง สภาพัฒน์ได้หันมาทำนโยบายเศรษฐกิจในเชิงระดับไมโคร หรือ ระดับพื้นที่มากขึ้น ซึ่งพบประเด็นในแง่การก่อหนี้ของประชากรว่า ปัจจุบันนี้ คนเราเป็นหนี้เร็ว นานขึ้น และยังมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป ซึ่งกล้าเป็นหนี้มากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีวลีหลัก คือ ของต้องมี แต่ในแง่รายได้นั้น ไม่มี ทำให้ต้องไปกู้ยืมเงินเพื่อนำมาบริโภค

“สิ่งหนึ่งที่คิดเรื่องการพัฒนาทักษะทางการเงิน คือ การปรับทัศนติทางการเงิน คิดว่า ทุกวันนี้ คนเราเป็นหนี้เร็ว และ นานขึ้น ทั้งทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีวลีหลัก คือ ของต้องมี แต่ว่า ตังค์ไม่มี จะทำอย่างไร ก็กู้ บัตรเครดิต สุดท้ายบัตรเต็ม ก็ไปบัตรเงินสด ทำให้หนี้พอก เรื่องนี้ อันตราย การที่เรามีระบบที่จะเข้าไปพัฒนาทักษะทางการเงิน ถ้าเป็นไปได้ อยากให้แยกช่วงอายุ เพื่อให้สามารถดึงกล่มเป้าหมายมาให้ความรู้เข้าใจได้”

ทั้งนี้ เราพบว่า หนี้สินส่วนใหญ่นั้น เป็นหนี้อุปโภคบริโภคทั้งนั้น โดยในจำนวนหนี้ครัวเรือน 15.9 ล้านล้านบาท จะเป็นหนี้ที่มีความมั่นคง เช่น ที่อยู่อาศัยเพียง 30% เท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องการบริโภค ซึ่งก็มีหลายคนบอกว่า หนี้บริโภคนั้น ทางเอสเอ็มอีเขาก็ใช้บัตรเครดิตไปทำธุรกิจเหมือนกัน ก็ถูกตีเป็นหนี้บริโภค จริงๆถ้าแยกได้ก็ดี การอนุมานแบบนั้น ก็ไม่ได้แยกขาด ฉะนั้น ที่ผ่านมา หนี้พวกนี้ ก็มีสัดส่วนเพิ่มเรื่อยๆ โดยเฉพาะหนี้รถยนต์ก็เพิ่มอีก ก็น่าเป็นห่วง

“ฉะนั้น ถ้าระบบของสศค.ที่จะเพิ่มทักษะทางการเงิน จะช่วยประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ได้เข้าถึงองค์ความรู้พวกนี้ ให้ช่วยเหลือตัวเอง และสามารถปรับทัศคติมาออมเพื่อวัยเกษียณมากขึ้น ก็จะเป็นเรื่องที่ดี”