TG มั่นใจปลายปีหน้าพ้นแผนฟื้นฟูตามเป้า

TG มั่นใจปลายปีหน้าพ้นแผนฟื้นฟูตามเป้า

ขณะนี้การบินไทยยังมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันองค์กรออกจากแผนฟื้นฟูได้ตามเป้าหมายในปลายปี 2567 โดยปัจจุบันการบินไทยได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูไปแล้วกว่า 90% เหลือเพียงการรอประเมินรายได้ในช่วงกลางปีหน้า

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. การบินไทย ชาย เอี่ยมศิริ ระบุ กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัทการบินไทย โดยมอบหมายให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานนั้นไม่กังวล เพราะการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ รัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาของการบินไทย อีกทั้งที่ผ่านมาก็มีคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัทการบินไทยอยู่แล้ว โดยมีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน

สำหรับการทำงานร่วมกับคณะกรรมการติดตามฯ อ้างอิงจากคำสั่งของ ครม. คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ในการให้คำแนะนำ และให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาการดำเนินการของการบินไทยที่มีปัญหา และอุปสรรค เพื่อให้การดำเนินงานของการบินไทยมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาการบินไทยจะเตรียมข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูต่างๆ เพื่อรายงานและรับฟังความเห็นจากคณะกรรมการติดตามฯ โดยหากมีความเห็นจากคณะกรรมการติดตามฯ ที่เล็งเห็นว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการบินไทย ก็จะมีการนำเอาความเห็นดังกล่าวมาเสนอคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อปรับใช้ต่อไป

การบินไทยมีแผนฟื้นฟูที่กำหนดในการทำงานอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาก็ดำเนินการตามแผนมาอย่างต่อเนื่อง หากมีความคืบหน้าจึงจะไปรายงานคณะกรรมการติดตามฯ เพื่อเป็นตัวกลางในการรายงานความคืบหน้าต่างๆ ตามที่รัฐบาลมีความเป็นห่วง ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่ได้กระทบต่อการทำงานตามแผนฟื้นฟูองค์กร

ขณะนี้การบินไทยยังมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันองค์กรออกจากแผนฟื้นฟูได้ตามเป้าหมายในปลายปี 2567 โดยปัจจุบันการบินไทยได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูไปแล้วกว่า 90% เหลือเพียงการรอประเมินรายได้ในช่วงกลางปีหน้า เพื่อทำให้ส่วนทุนเป็นบวก และเริ่มขั้นตอนการขายหุ้นเพิ่มทุน ขณะที่กระแสเงินสดในมือ (แคชโฟว์) ปัจจุบันยังคงสูงไม่ต่ำกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งมีสะสมอยู่ราว 5.1 หมื่นล้านบาท

ยอดจองตั๋วไตรมาส 4 พุ่ง 80%

สำหรับภาพรวมไตรมาส 4 ปีนี้ ยังเห็นสัญญาณบวกต่อเนื่อง มียอดจองการเดินทางล่วงหน้าเฉลี่ย 70-80% โดยเฉพาะเส้นทางตลาดยุโรปและออสเตรเลียที่มียอดจองเต็มทุกเที่ยวบิน ชี้ให้เห็นว่าท่ามกลางสถานการณ์สงครามอิสราเอลและฮามาส ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ยังไม่เป็นปัจจัยกระทบการตัดสินใจเดินทางของผู้โดยสารในระยะสั้นนี้

ขณะที่ตลาดจีนต้องยอมรับว่าปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัวมากนัก อาจเพราะปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับเหตุการณ์กราดยิงในห้างพารากอนช่วงที่ผ่านมา ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่มั่นใจในการเดินทาง แต่การบินไทยประเมินว่าอาจจะเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้น ทำให้ขณะนี้การบินไทยยังคงเตรียมแผนทำการบินรองรับดีมานด์ของผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาขยายตัว และมั่นใจว่ายังมีขีดความสามารถเพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (เคบิเนแฟกเตอร์) ตลาดจีนยังเฉลี่ยอยู่เพียง 60%

 

ดีเดย์ 1 ม.ค.67 แอร์โฮสเตสใช้ยูนิฟอร์มใหม่

นอกจากนี้ การบินไทยตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากอุตสาหกรรมการบินมาอย่างต่อเนื่อง โดยปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านกิจกรรมและโครงการริเริ่มต่างๆ ทั้งในรูปแบบการลดการใช้ทรัพยากร ลดปริมาณขยะด้วยการนำวัสดุที่ไม่ใช้งานแล้วกลับมาพัฒนาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050)

ล่าสุดการบินไทยได้ปรับเปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิงที่ผสมผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับ Sustainable Development อย่างลงตัว ด้วยเครื่องแบบชุดไทยเรือนต้นนำเส้นไหมถักทอผสมผสานกับเส้นใยแปรรูปวัสดุรีไซเคิล โดย 1 ชุดจะใช้ขวดพลาสติก pet 54 ขวด คิดเป็นสัดส่วนเส้นใย 70% และเส้นใยไหม 30% ซึ่งไม่ได้ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าเดิม อีกทั้งยังดูแลได้ง่ายและมีความยืดหยุ่น  ซึ่งจะสวมใส่พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป