จีนกังวลสงครามอิสราเอลและฮามาสกระทบเศรษฐกิจ

จีนกังวลสงครามอิสราเอลและฮามาสกระทบเศรษฐกิจ

จีนวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามอิสราเอลและฮามาส กังวลราคาน้ำมันในประเทศปรับสูงขึ้น ความเสี่ยงต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจากการขนส่งทองคำกลับจีน หวั่นผลกระทบต่อข้อริเริ่ม”หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (BRI)

สงครามอิสราเอล-ฮามาสผ่านมาหลายสัปดาห์ยังไม่มีทีท่าจะยุติลง  ท่ามกลางความกังวลของทั่วโลกที่เกรงว่า สงครามอาจบานปลายและยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าโลก ซึ่งหลายประเทศก็จับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศจีน โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบเศรษฐกิจจีนจากผลของสงครามอิสราเอลและฮามาส ผ่านเว็ปไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ส่วนหนึ่งระบุว่า  ความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล ที่ทวีความรุนแรงขึ้น  ส่งผลกระทบต่อความกังวลทางเศรษฐกิจบางประการต่อจีน ประการที่หนึ่ง ความวุ่นวายในตะวันออกกลางอาจทำให้ ความไม่มั่นคงของตลาด น้ำมันระหว่างประเทศรุนแรงขึ้น สร้างแรงกดดันต่อการจัดหาพลังงานของจีน และอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในประเทศ ที่เป็นความท้าทายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและพลังงานของประเทศ

ประการที่สอง การค้าทองระหว่างประเทศลดลง จีนเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นประเทศสำรองทองคำรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจีนมีการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศ หนึ่งในมาตรการคือการขนส่งทองคำมากกว่า 1,000 ตันกลับมายังประเทศ เพื่อจีนจะได้เพิ่มปริมาณสำรองทองคำ และเพิ่มอิทธิพลในระบบการเงินระหว่างประเทศ การขนส่งทองคำกลับคืนจะนำความเสี่ยงและความท้าทายมาสู่จีน การขนส่งทองคำกลับต้องใช้ต้นทุนและเวลา ซึ่งอาจส่งผลต่อกิจกรรมการซื้อขายทองคำและการลงทุนในตลาดต่างประเทศ การจัดส่งทองคำคืนอาจส่งผลกระทบต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนของจีน

ประการที่สาม ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจเป็นอุปสรรคต่อข้อริเริ่ม”หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (BRI) ของจีนและความร่วมมือในตะวันออกกลาง ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”เกี่ยวข้องกับหลายประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย และอิหร่าน ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นอาจทำให้ประเทศเหล่านี้ระมัดระวัง และเกิดความไม่มั่นคงมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเต็มใจที่จะลงทุน ความร่วมมือ การค้า และการนำเข้าส่งออกระหว่างจีนกับประเทศตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ความขัดแย้งดังกล่าว ยังอาจก่อให้เกิดความท้าทายบางประการต่อนโยบายต่างประเทศของจีนและอิทธิพลระหว่างประเทศ

ในด้านของสถานการณ์การชุมนุม จีนยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงต่อสถานการณ์การสู้รบ ในอิสราเอล ฝ่ายความมั่นคงของจีนมีกระชับงานการข่าวและยังไม่มีการออกมาตรการแต่อย่างใด โดยท่าทีของจีน กล่าวว่า ในประเด็นความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล จีนยืนอยู่ข้างความยุติธรรมโดยตลอด

จีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปาเลสไตน์และอิสราเอลจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ  ประเทศจีนจะยืนอยู่ข้างความยุติธรรม คัดค้านพฤติกรรมที่ทำร้ายประชาชนทั่วไป ประนามการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือต้องรักษาความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป หลีกเลี่ยงภัยมนุษยธรรมที่รุนแรงยิ่งขึ้น ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยมนุษยธรรมสากล เปิดช่องทางช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม จีนเรียกร้องให้จัดการประชุมเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศโดยเร็ว และผลักดันการบรรลุความเห็นพ้องต้องกันอย่างกว้างขวาง

ประเทศตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายศาสนา กลุ่มชาติพันธุ์ และผลประโยชน์ที่พันกัน โดยจีนจำเป็นต้องรักษาจุดยืนที่เป็นกลาง และแสวงหาความสมดุลในภูมิภาคนี้เพื่อปกป้องผลประโยชน์และภาพลักษณ์ของชาติ จีนเป็นประเทศใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและสนับสนุนการระงับข้อพิพาทอย่างสันติมาโดยตลอด ประเทศจึงมีการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ มีส่วนร่วมในการไกล่เกลี่ยอย่างกระตือรือร้น รักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก

ทั้งนี้นางสาวนันท์นภัส  งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองเซี่ยเหมิน ให้ความเห็น ว่า ความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลที่ทวีความรุนแรงขึ้น จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจการเมืองและการทูต จีนจึงให้ความสนใจกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และยังมีการใช้กลยุทธ์และมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและเสถียรภาพของประเทศ

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้เกิดปัจจัยที่ไม่แน่นอนและคาดเดาได้หลายประการในตลาดต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ดี การปรับปรุงด้านการนำเข้าส่งออกยังคงทนต่อแรงกดดันได้ดี มีความเสถียรภาพและมีการเปลี่ยนแปลงไปในเชิงบวก

โดยข้อมูลจากศุลกากรจีน ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มูลค่าการนำเข้าส่งออกของจีนอยู่ที่ 20.1 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 2.1% และการนำเข้าส่งออกกับประเทศ BRI มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการขยายตัว  9.8 % คิดเป็น31.4 %ของการส่งออกทั้งหมด

ในเดือนม.ค.-พ.ย. 2565 จีนส่งออกสินค้าไปยังประเทศ BRI คิดเป็นมูลค่า 815,070 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น16.6 %  โดยส่งออกสินค้า เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตที่ต้องใช้แรงงาน เหล็กกล้า สินค้าทางการเกษตร และ อาหารทะเล เป็นหลัก ในด้านการนำเข้า จีนนำเข้าสินค้าจากประเทศ BRI คิดเป็นมูลค่า 258,720 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22.2% โดยนำเข้าสินค้า นำมันดิบ เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าทางการเกษตร และก๊าซธรรมชาติ เป็นหลัก

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค. 2566 จีนส่งออกสินค้าไปยังประเทศอิสราเอลมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,858 ล้านดอลลาร์ ลด 0.38 %  โดยมีสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เครื่องจักรและชิ้นส่วน ยานพาหนะ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้นและ จีนนำเข้าสินค้าจากประเทศอิสราเอลมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 5,268 ล้านดอลลาร์  ลดลง 13.77% โดยมีสินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ เครื่องจักรและชิ้นส่วน เลนส์ เครื่องมือตรวจวัด อุปกรณ์ทางการแพทย์ ไข่มุก และอัญมณี เป็นต้น

 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อประเทศจีนในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต