'พีระพันธุ์' ชี้น้ำมันเบนซินกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ภายหลังลดราคาทำขาดตลาด
"พลังงาน" ชี้ ปริมาณน้ำมันในปี๊มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากที่เกิดความต้องการใช้สูงมากกว่าปกติเนื่องจากมาตรการลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ประชาชนรอเติมน้ำมันวันที่ 7 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันแรกของการลดราคา ส่งผลให้ปั๊มมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อความต้องการ
นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการประชาสัมพันธ์มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ในส่วนของน้ำมันกลุ่มเบนซิน ที่มีการเผยแพร่ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และประกาศเริ่มมาตรการลดราคาในวันที่ 7 พ.ย. 2566 นั้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากชะลอการเติมน้ำมันในช่วงก่อนวันที่จะมีการลดราคา
ซึ่งจากการเก็บสถิติการใช้น้ำมันก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ในวันที่ 5 – 6 พ.ย. 2566 นั้น มีปริมาณการเติมน้ำมันของประชาชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด และในวันที่ 7 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันแรกของการลดราคาน้ำมัน จากสถิติมีปริมาณการเติมน้ำมันของประชาชนสูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบ 3 เท่า ซึ่งค่าเฉลี่ยน้ำมันเบนซินทุกชนิดรวมกันอยู่ที่ประมาณวันละ 28 ล้านลิตร แต่ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 มีการเติมน้ำมันสูงเกือบ 70 ล้านลิตร ทำให้สถานีบริการบางแห่งมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม การที่มีการเติมน้ำมันของประชาชนสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยเป็นอย่างมากในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนให้การตอบรับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่กระทรวงพลังงานดำเนินการ และในส่วนของสถานีบริการที่มีปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอ กระทรวงพลังงานก็ได้ให้สำนักงานพลังงานจังหวัดทั่วประเทศ เก็บข้อมูลเพื่อดำเนินการแก้ไขและชี้แจงต่อผู้ค้าเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
"จะเห็นได้ว่า จากปริมาณการเติมน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิดรวมกันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 28 ล้านลิตร แต่ในวันที่ 7 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันแรกของการลดราคาน้ำมัน มีการเติมน้ำมันสูงถึงเกือบ 70 ล้านลิตร ทำให้หลายสถานีบริการน้ำมันมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย หลังจากรับทราบปัญหา ผมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันขึ้นมาทันที"
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมธุรกิจพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้ค้าน้ำมัน รวมถึงสำนักงานพลังงานจังหวัดเร่งดำเนินการตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันที่มีน้ำมันไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ให้รีบดำเนินการแก้ไข รวมถึงขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันทุกราย เร่งกระจายน้ำมัน เพิ่มรอบในการขนส่ง จนวันนี้ สถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ โดยเห็นได้จากสถิติการใช้น้ำมันในวันที่ 8 – 9 พ.ย. 2566 ที่มีปริมาณการใช้น้ำมันอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านลิตร และจากการตรวจสอบ ณ วันที่ 9 พ.ย. 2566 มีเพียง 29 สถานีบริการจากกว่า 2 หมื่นสถานีบริการที่ยังขาดน้ำมัน
ทั้งนี้ ทางกระทรวงพลังงานก็ยังมีการติดตามปริมาณการใช้น้ำมันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีกลุ่มผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เดิม เปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งกระทรวงพลังงานก็จะติดตามไม่ให้เกิดการขาดแคลนอีก หากประชาชนพบว่าสถานีบริการใดไม่มีน้ำมันจำหน่าย สามารถแจ้งเรื่องได้ที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงพลังงาน โทร 02 140 7000
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2566 ที่มีมติปรับลดราคาขายปลีก ราคาน้ำมันเบนซินแต่ละชนิดดังนี้
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาท/ลิตร
- น้ำมันเบนซิน ULG 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงประมาณ 1 บาท/ลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ลดลงประมาณ 80 สตางค์/ลิตร
โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ E85 มีการใช้เงินกองทุนน้ำมันชดเชยเพิ่มให้เหมาะสม ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2566 ถึง 31 ม.ค. 2567