กรมประมง เร่งเพาะพันธุ์ปลากุเรา สินค้า GI ตากใบ คืนพื้นถิ่น เป้า 1 แสนตัวต่อปี
กรมประมง ตั้งเป้าเพาะพันธุ์ “ปลากุเรา” 1 แสนตัวต่อปี ปล่อยคืนแม่น้ำตากใบหนุนส่งเสริมการผลิตสินค้า GI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุบชีวิตชุมชุมชายแดนใต้
นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า “ปลากุเรา” จัดเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ Polynemidae พบการแพร่กระจายในเขตอินโดแปซิฟิกตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียถึงออสเตรเลีย ไต้หวัน และทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยมีรายงานพบ 8 สกุล รวม 41 ชนิด สําหรับในประเทศไทยพบ 2 สกุล 17 ชนิด ซึ่งชนิดที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจ
ได้แก่ Eleutheronema tetradactylum และ Polydactylus macrochir พบการ ทำการประมงทั่วไปในพื้นที่จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และพบมากที่จังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งอำเภอตากใบและแม่น้ำตากใบ ซึ่งเป็นสายพันธุ์กุเราหนวดสี่เส้น (Eleutheronema tetradactylum) โดยชาวประมงจะใช้อวนลอยในการจับและนำมาแปรรูปเป็น “ปลากุเราเค็ม” ที่มีชื่อเสียงในด้านรสชาติว่าเหนือกว่าปลาเค็มทั่วไป จนได้รับสมญาว่าเป็น "ราชาแห่งปลาเค็ม"
อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว ที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,300 –1,600 บาท ส่งจําหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงและผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำในพื้นที่เป็นจํานวนมาก ภายใต้โครงการตากใบโมเดล และด้วยความต้องการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรปลากุเราในแม่น้ำตากใบมีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติลดน้อยลง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมีนโยบายให้กรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลนราธิวาสเร่งดำเนินโครงการ “เพาะปลากุเราปล่อยลงแม่น้ำตากใบ” ในปีงบประมาณ 2567 เพื่อเพิ่มปริมาณในแหล่งน้ำธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์เพียงพอต่อความต้องการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์สำหรับเป็นวัตถุดิบป้อนสู่กระบวนการแปรรูปปลากุเราเค็ม ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค
โดยระยะแรกจะดำเนินการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์จากแหล่งน้ำธรรมชาติ และนำมาขุนเลี้ยงจนได้ขนาด จากนั้นจะทำการเพาะพันธุ์ด้วยวิธีธรรมชาติ เมื่อได้ไข่ปลาจะทำการ
เพาะฟักและอนุบาลจนได้ขนาด 1.5-2.0 เซนติเมตร จึงจะนำไปปล่อยลงสู่แม่น้ำตากใบ โดยตั้งเป้าหมายไว้
100,000 ตัวต่อปี
การดำเนินโครงการเพาะเลี้ยงปลากุเราและปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นกิจกรรมที่เพิ่มผลผลิตและเมื่อปล่อยให้ลูกพันธุ์ปลากุเราเติบโต เป็นพ่อแม่พันธุ์สามารถสืบพันธุ์ วางไข่ ก็จะสามารถเพิ่มปริมาณปลากุเราขึ้นมาทดแทนได้ ซึ่งจะทำให้ชาวประมงในจังหวัดนราธิวาสสามารถจับปลากุเราจากธรรมชาติได้มากขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนทำให้ผู้แปรรูปสัตว์น้ำในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสมีวัตถุดิบป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตปลากุเราเค็มอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคง ทางอาหารให้กับผู้บริโภคอีกด้วย