“นายกฯ”ย้ำเดินสายต่างประเทศ ชวนลงทุน ใช้ลมปากอย่างเดียวไมได้

“นายกฯ”ย้ำเดินสายต่างประเทศ ชวนลงทุน ใช้ลมปากอย่างเดียวไมได้

นายกฯ ปาฐกถาพิเศษหอการค้าไทย ชี้ เดินสายต่างประเทศจำเป็น แค่ลมปากไม่สามารถดึงนักลงทุนได้ ย้ำรัฐบาลมาถูกทาง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หนุนพัฒนาเมืองรอง

นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง   กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อThe time act is now ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ   ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 90 ปี   หอการค้าไทย ที่ไบเทค บางนา  ว่า  วันนี้สำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรีเตรียมสคริปให้พูดแต่ก็ยังไม่โดนใจมาก   เพราะเป็นการเดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกาได้พบผู้นำและนักธุรกิจระดับโลกจำนวนมาก    จึงจะขอนำเรื่องที่ได้ไปพบมา มาพูดในวันนี้     โดยเรื่องแรกดิจิทัลวอลเล็ต    มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแต่จริงๆ  แล้วปัจจัยหลักเหลือแค่เร่งด่วนจำเป็นหรือไม่วิกฤตหรือไม่มีบางคนเห็นว่าไม่เร่งด่วนไม่จำเป็นไม่วิกฤต    แต่รัฐบาลนี้เห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและเร่งด่วน  และสภาพเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะวิกฤต    หากบอกว่า วิกฤตจีดีพีต้องติดลบก็พูดถูกถ้าแบบนั้น    แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก    เราอยู่บนโลกของการแข่งขันที่สูงมากย้อนกลับไปดูจีดีพีของประเทศคู่แข่งของเราโดยเฉพาะ  เวียดนาม  อินโดนีเซีย  มาเลเซีย  ฟิลิปปินส์   ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เท่าไหร่ในปีที่ผ่าน   เมื่อเปรียบเทียบกับเรา   แต่ตนเชื่อว่าเราสามารถไปได้อีก

ทั้งนี้เวลา 9-10 ปีที่ผ่านมาตัวเลขการเฉลี่ยของไทยต่ำกว่า 2%  จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้ที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาแล้วต้องทำให้ได้   ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลจัดการไปแล้วทั้งมาตรการพักหนี้เกษตรกร  ลดค่าไฟ  ค่าน้ำมัน    รวมไปถึงการฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่เราดำเนินการ 

นายกรัฐมนตรี    กล่าวว่า รัฐบาลนี้รัฐมนตรีทุกท่านทำงานหนักลงรายละเอียดทุกเม็ดเพื่อก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ โครงการดิจิทัลก็เป็นนโยบายหนึ่งของรัฐ ที่ผ่านมาตนเดินทางไปต่างประเทศหลายประเทศทั้งในอาเซียนและสหรัฐล่าสุดก็ไปร่วมประชุมเอเปก ซึ่งทุกประเทศอยากมาลงทุนในไทย เราแม้จะเป็นประเทศเล็กแต่ก็มีเอกราชและมีจุดยืนในการค้าขายมาตลอด   หลังจากที่ตนเองเดินทางไปหลายประเทศทั้งในอาเซียนและสหรัฐอเมริกา เป็นที่ประจักษ์ว่าประเทศไทยเป็นที่ต้องการของชาวโลก ทุกคนอยากมาลงทุนในประเทศไทย หรืออย่างน้อยก็มีประเทศไทยเป็นตัวเลือก

โดยการเดินทางไปต่างประเทศประเทศไทยไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดแต่มาเพื่อค้าขาย มีมาตรการต่างๆมากมายที่จะรองรับนักลงทุนเช่นมาตรการด้านภาษี    แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เรื่องของ FTA ประเทศไทยมีการเจรจาเรื่องนี้น้อยมาก ยังคงล้าหลังคู่แข่งอย่างมาก อยู่ดังนั้นเรื่องนี้ จะเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักที่รัฐบาลจะเดินหน้าเรื่องนี้กับนานาประเทศ

“ลมปากอย่างเดียวไม่สามารถดึงดูดให้นักลงทุนมาลงทุนได้   แต่ต้องเดินทางไปพูดคุยและเจรจาและทุกฝ่ายต้องช่วยกัน   แม้หลายคนอาจจะมองว่าการไปประชุมเอเปกไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง   แต่ตนไม่มองอย่างนั้นประเทศไทยสามารถก้าวไปได้อีก    “นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับการพัฒนาเมืองรอง ตามข้อเสนอของหอการค้าไทยนั้น รัฐบาลพร้อมสนับสนุน แต่จะทำแบบนั้นได้ต้องอาศัยหลายปัจจัย  รัฐบาลจึงต้องมีการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการคมนาคม มีการขยายสนามบินในพื้นที่เมืองรอง   จึงอยากให้ภาคเอกชนเสนอว่าต้องการการสนับสนุนอะไรจากรัฐบาล  ยืนยัน การพัฒนาเมืองรองเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้จะทำให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

นายเศรษฐา กล่าวว่า  ในช่วงกลางเดือนหน้าจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียนเจแปน   ก็จะไปแสดงความพร้อมของไทยและจะสนับสนุนในทุกด้านสำหรับการลงทุนในไทยของญี่ปุ่น   รวมถึงการอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าฟรีให้กับนักธุรกิจญี่ปุ่น    และยินดีที่จะนำนักลงทุนของไทย ร่วมคณะไปกับรัฐบาล ในการเดินทางเยือนต่างประเทศเพื่อพบกับนักธุรกิจในประเทศนั้นๆ

 “ประเทศไทยเปิดแล้วพวกท่านพร้อมไหมครับถ้าพร้อมแล้วไปด้วยกันครับ” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา  ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ว่า  หนี้นอกระบบได้กัดกร่อนสังคมไทยมายาวนาน ซึ่งรัฐบาลนี้จะต้องเร่งแก้ เพราะในบางครั้งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่สูงเกินกฎหมาย และลูกหนี้ต้องรับภาระหนี้  บางรายเป็นหนี้นอกระบบ ทำงานเพื่อจ่ายดอกเบี้ยอย่างเดียวก็ยังไม่หมดโดยจะให้นายอำเภอ ผู้กำกับในพื้นที่เป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ โดยสิ้นเดือนนี้จะมีการแถลงข่าวใหญ่ เกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของประชาชน 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การแก้ไขหนี้นอกระบบ จะให้นายอำเภอ ผู้กำกับ เจ้าหนี้ ลูกหนี้ มาพูดคุยกันเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะลูกหนี้หลายคนถูกเอาเปรียบมานาน โดยทางนายอำเภอในแต่ละพื้นที่จะประกาศให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มาลงทะเบียน และบางส่วนจะมีการสำรวจข้อมูลเองเพราะเชื่อว่าบางคนอาจไม่กล้ามาลงทะเบียนเพราะเกรงกลัวอิทธิพล ส่วนตัวเลขหนี้นอกระบบนั้นทางมหาดไทยมีตัวเลขอยู่แล้วว่าจำนวนเท่าไร ดังนั้นไม่ต้องห่วงจะดำเนินการอย่างเข้มข้น