'กฟผ.' เคลื่อนนวัตกรรมหนุนแม่เมาะ สู่เมืองอุตสาหกรรมสีเขียวรับลงทุน
"กฟผ." เคลื่อนนวัตกรรมหนุนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ช่วยดันจีดีพีแม่เมาะได้ถึง 20% หวังรัฐบาลผลักดันมุ่งสู่เมืองอุตสาหกรรมสีเขียวรับการลงทุน
"โพสต์ทูเดย์" จัดงานสัมมนา สัมมนา PostToday Smart City โดยนายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัยนวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวในหัวข้อ Smart Life : ยกระดับชีวิตคนไทยในเมืองต้นแบบ Smart City ว่า กฟผ. ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจดูแลความมั่นคงด้านพลังงาน เมื่อเทรนด์พลังงานมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กฟผ. ได้เดินหน้าการใช้นวัตกรรมเพื่อช่วยให้การใช้ไฟฟ้าสามารถเข้าถึงในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
ทั้งนี้ ในการดำเนินการตาม 7 สมาร์ทด้านเทคโนโลยี กฟผ. ได้เริ่มทำ SMART ENERGY ในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น แม่ฮ่องสอน เพื่อสอดรับกับโจทย์ที่พบว่าพื้นที่ห่างไกลเกิดปัญหาไฟดับบ่อย เพราะเป็นจังหวัดเดียวที่สายส่งไปไม่ถึง กฟผ. ได้นำระบบสมาร์ทกริดเข้าไปดำเนินการขยายไปยังพื้นที่แม่เมาะ
"สมัยรัชกาลที่ 7 ต้องการเก็บพื้นที่นี้ไว้เป็นแหล่งพลังงานของประเทศ ปัจจุบันเราทำให้แม่เมาะสามารถมีส่วนร่วมในการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของจังหวัดลำปางได้ถึง 20% ซึ่งเมื่อมีการใช้พื้นที่ผลิตไฟแล้วคนจะอยู่อย่างไร ดังนั้น ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มจากโครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ นำสมาร์ทต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาทั้งในสวนสัตว์เชียงใหม่ รวมถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ที่สามารถสร้างคน สร้างงาน ให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น รวมถึงคนที่เข้าร่วมชมภายในงานได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นต้น"
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างสังคมให้น่าอยู่และมุ่งสู่เมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ กฟผ. ได้เริ่มพัฒนาพื้นที่แม่เมาะ โดยร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชน นำเทคโนโลยีสร้างให้สังคมมีรายได้ ทำเกษตรแนวตั้ง พัฒนาให้เป็นเกษตรกรที่คุณภาพสูง พัฒนาอาหารเกษตรเพื่อใช้ในการแพทย์ ทำป่าชุมชน เศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมทำท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมกิจกรรมที่มีโซลาร์เซลล์ มีการจัดเก็บข้อมูลด้าต้าแพลตฟอร์ม เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการด้านอากาศ โดยการนำเอาเศษข้าวโพดเหลือทิ้งของชาวเกษตรกรมาบริหารจัดการในโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อลดการเผาและลดการเกิด PM2.5 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างศึกษาการบริหารจัดการกากขยะของเกษตรกรรมสู่เชื้อเพลิงชีวมวล เพื่อบริหารจัดการขยะให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้แบบยั่งยืน อีกทั้ง ปัจจุบัน กฟผ. ได้นำร่องใช้รถบัสอีวีรับส่งพนักงานที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะแล้วเกือบ 30 คัน โดยเป็นรถบัสในรูปแบบของแบตเตอรี่ 100%
"2 ปีที่ทำในแม่เมาะได้เชื่อมโยงดาต้าซิตี้แพลตฟอร์ม บริหารระบบการจัดการ วันนี้คุยกับรัฐบาลว่าอยากจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมสีเขียว เมื่อไม่มีการขุดเหมือง หรือทำโรงไฟฟ้าแล้ว เพราะทุกบริษัทเอกชนต่างต้องการผลผลิตที่ไม่ใช่เฉพาะการใช้ไฟฟ้าสีเขียวอย่างเดียวแล้ว แต่ต่างก็ต้องการสถาณูปโภคที่เป็นกรีนทั้งหมด"
นอกจากนี้ อีกตัวอย่างที่ทำในแม่ฮ่องสอน เพื่อแก้ปัญหาไฟดับ เพราะต้องเดินสายไฟไกล ส่วนใหญ่เป็นลุ่มน้ำ กฟผ. ได้ใส่แหล่งผลิตไฟฟ้าแบบโซลาร์ให้มีระบบบริหารจัดการพลังงานที่ชาญฉลาด โดยนำเอาแบตเตอรี่เข้ามาบริหารจัดการเป็นระบบอัจฉริยะในอาคาราชการต่าง ๆ รวมถึงสถานีชาร์จรถอีวีให้เป็นนซูเปอร์ชาร์จเจอร์เพื่อให้คนได้เข้าถึงผ่านแพลตฟอร์ม EleXA ถือเป็นสิ่งที่กฟผ. พยายามสร้างให้เกิด Smart City
ทั้งนี้ กฟผ.มีบทบาทดูแลความมั่นคงด้านไฟฟ้า ถือเป็นหน้าที่พันธกิจ ซึ่งในอดีตใช้เชื้อเพลิงอะไรผลิตไฟฟ้าก็ได้ แต่ถัดมาต้องเป็นเชื้อเพลิงเพื่อสิ่งแวดล้อง ต้องปรับเปลี่ยนแหล่งผลิต ปรับระบบสายส่ง กฟผ. ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาการดำเนินการด้าน Energy Storage เพื่อความยืดหยุ่น จึงต้องขออนุมัติจากรัฐบาล อีกทั้งในอนาคตจะต้องหาสิ่งใหม่ อาทิ เทคโนโลยีไฮโดรเจน, เทคโนโลยีการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน (CCS) หรือรูปแบบพลังงานฟิวชั่น เป็นต้น
"ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐเพื่อลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราทำในทุกมิติเพราะเราเริ่มต้นจากการเป็นผู้ร้ายจึงต้องเปลี่ยนพลังงาน อาทิ พลังงานน้ำ สมาร์ทกริด การทำซัพพอร์ททั้งเรกูเลเตอร์ สร้างกรีนทารีฟ ตอบโจทย์ผู้ลงทุน ทำการโรมมิ่งแอปพลิเคชั่นอีวี หวังว่าปีหน้าจะสามารถจ่ายเงินร่วมกันได้ทุกค่าย สุดท้ายทำอย่างไรก็ไม่สามารถเคลียร์คาร์บอนได้หมด เราจึงต้องปลูกป่าร่วมด้วย"