‘ชาวไร่อ้อย’ รอไปก่อนค่าตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน ยังไม่เข้าครม.สัปดาห์
ชาวไร่อ้อยยังไร้ข้อสรุป งบหนุนตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน “พิมพ์ภัทรา” แจงรอฟังความเห็นหน่วยงานเกี่ยวข้อง ก่อนชงครม.ภายในสัปดาห์หน้า
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุมครม. วันนี้ (21 พ.ย.) ยังไม่ได้พิจารณาโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่นPM 2.5 สำหรับปีการผลิต 2565/2566 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินชดเชยตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน คิดเป็นวงเงินรวม 8,000 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเร่งนำเรื่องเสนอครม. พิจารณาภายในสัปดาห์หน้า
“เงินชดเชยตัดอ้อย ยังไม่เสนอเข้าครม.ในวันนี้ เพราะตอนนี้ยังต้องให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณาก่อน ทั้งกระทรวงการคลังสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ก่อน และหากได้รับคำตอบแล้วจะเร่งเสนอครม.ให้เร็วที่สุด เชื่อว่าจะเสนอในการประชุมครม.ครั้งหน้า” นางสาวพิมพ์ภัทรา ระบุ
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้หารือกับตัวแทนสมาคมเกษตรกรชาวไร่อ้อย 37 แห่ง ซึ่งเดินทางมาเข้าพบเพื่อขอรับทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ปีการผลิต 2565/2566 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ยอมรับว่า กำลังเสนอบรรจุวาระการพิจารณาของที่ประชุมครม. เพื่อขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเป็นค่าตัดอ้อยให้ตันละ 120 บาท
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีการผลิต 2565/2566 ยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินค่าตัดอ้อย ซึ่งจะส่งผลถึงปีการผลิต 2566/67 ที่กำลังจะเริ่มเปิดหีบในเดือนธ.ค. 2566
“หากมีการเปิดหีบอ้อยแล้วยังไม่ชัดเจน เกรงว่าปัญหาอ้อยไฟไหม้ก็อาจจะไม่ได้ลดลง เพราะต้องยอมรับว่าการตัดอ้อยสดเพื่อส่งเข้าโรงงานยังมีต้นทุนสูง”
นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า การปรับราคาราคาน้ำตาลทราย อีกกิโลกรัมละ 2 บาท เพื่อนำเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายส่งเสริมการตัดอ้อยสดฤดูการผลิตปี 2566/2567 เพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 นั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ยังอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปต่อไป ว่าจะใช้เงินส่วนใด ให้รัฐเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ หรือผู้ก่อให้เกิดผลพิษจะต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระให้กับผู้บริโภค
“ส่วนนี้ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐโดยกระทรวงอุตสาหกรรม และพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อการหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกัน ให้การเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวอ้อยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่กระทบกับต้นทุนราคาอ้อยทั้งยังจะช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น”