5 แบงก์ลงขันอุ้ม ITD จับตา 'หุ้นกู้' ล็อตใหญ่ครบชำระต้นปีหน้า 2 พันล้าน
ITD เฉียดเบี้ยวจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ วงการตลาดทุนเผยได้ 5 แบงก์พาณิชย์ลงขันปล่อยสินเชื่อเติมทุน แนะจับตาต้นปีหน้ามีหุ้นกู้ล๊อตใหญ่ครบชำระอีก 2 พันล้าน แถมมีหนี้แบงก์ที่ครบกำหมดอีกราว 1.6 หมื่นล้านบาท
หนึ่งใน “บิ๊กคอร์ป” ที่คนในแวดวงตลาดทุนเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิด ณ เวลานี้ คือ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ “ITD” บริษัทก่อสร้างที่มีสินทรัพย์รวมกันกว่า 1 แสนล้านบาท โดยเริ่มเห็น “ควันไฟ” พวยพุ่งออกมาจากบริษัทแห่งนี้บ้างแล้ว
ITD มีนัดกับผู้ถือหุ้นกู้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยในรุ่น ITD24DA และ ITD24DB ไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเดิมคนในวงการกังวลกันว่า ITD จะปล่อยให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ (Default) หรือไม่
แต่ผู้ใหญ่ในแวดวงการเงินกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น จึงดึงธนาคารพาณิชย์ 4-5 แห่ง ร่วมลงขันปล่อยเงินกู้ให้ล๊อตใหม่ ส่งผลให้ ITD รอดพ้นการ Default มาได้อย่างหวุดหวิด
ในวันที่ 15 ก.พ.2567 ITD จะมีหุ้นกู้ล็อตใหญ่ราว 2 พันล้านบาท ถึงกำหนดต้องชำระคืนหนี้ เป็นที่จับตาดูว่า ITD จะก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปได้หรือไม่ เพราะจะมีผลต่อหุ้นกู้ชุดอื่นๆ อีก 4 รุ่น มูลค่ารวมหลักหมื่นล้านบาท
และยังอาจจะมีผลต่อสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์อีกกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ที่อาจต้องกลายเป็นเอ็นพีแอลไปด้วย
เกิดอะไรขึ้นกับ ITD บิ๊กก่อสร้างแสนล้าน
ITD เริ่มออกอาการไม่ดีมาระยะหนึ่งแล้ว โดยคนในแวดวงตลาดทุนระบุว่า ITD ส่งสัญญาณว่าอาจไม่มีเงินมาชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้
ซึ่งครบกำหนดจ่ายในวันที่ 4 ธ.ค.2566 ทำให้ธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จึงรอดการ Default มาได้อย่างหวุดหวิด
สำหรับปัญหาใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาของ ITD คือ โครงการลงทุนหลายโครงการมีความผิดพลาด ทั้งตัวโครงการที่ไม่เป็นไปตามแผน และโครงการที่ล่าช้าไปกว่าแผน อันเนื่องมาจากความชัดเจนของภาครัฐ และสถานการณ์ไม่เป็นใจ จนส่งผลต่อสภาพคล่องของตัวบริษัท
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในโครงการทวาย เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่เมียนมา มูลค่ารวมกว่า 8 พันล้านบาท ไปจนถึงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เกือบๆ 4 พันล้านบาท โดยที่ ITD ไม่ได้มีรีเทิร์นจากโครงการเหล่านี้กลับเข้ามาเลย
ประกอบกับปัญหางบค้างท่อและการเบิกจ่ายงบจากภาครัฐที่ ITD เข้าไปรับงานมีความล่าช้า จึงยิ่งทำให้สภาพคล่องของ ITD ตึงตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ITD คาดหวังกับ โครงการเหมืองโปแตซ ที่พยายามขอให้รัฐบาลช่วยเร่งขับเคลื่อนโครงการเหล่านี้ออกมาโดยเร็ว ด้วยหวังว่าโครงการนี้จะถือเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สร้างการเติบโตให้กับ ITD ในระยะข้างหน้า
งบขาดทุน-สภาพคล่องตึง
ย้อนดูงบการเงินของ ITD ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง ยกเว้นช่วง 9 เดือนปี 2566 ซึ่งมีกำไรสุทธิราว 379 ล้านบาท แต่ถ้าแคะดูไส้ในของงบการเงินในงวดนี้จะพบว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขายสินทรัพย์ออกไปจึงทำให้งบดูดีมีกำไร ขณะที่งบปีอื่นๆ ขาดทุนสุทธิทุกปี
- ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 4,759 ล้านบาท
- ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 155 ล้านบาท
- ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 1,104 ล้านบาท
- ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 37.34 ล้านบาท
นอกจากนี้ หากดูเรื่องสภาพคล่องของตัวบริษัท ชัดเจนว่า ITD กำลังเผชิญปัญหาอันหนักหน่วง โดยมีหนี้สินหมุนเวียนราว 7.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์หมุนเวียนมีราวๆ 6.45 หมื่นล้านบาท
ในจำนวนนี้แบ่งหลักๆ ได้เป็นฝั่งหนี้สิน มีหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเดือน ก.พ.2567 ราว 2 พันล้านบาท และหนี้สินระยะยาวที่มีกำหนดต้องชำระคืนภายในหนึ่งปีอีกประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ฝั่งสินทรัพย์มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ราวๆ 4 พันล้านบาท เงินฝากสถาบันการเงินที่มีข้อจำกัดการใช้-หมุนเวียน 781 ล้านบาท และเงินลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้อีก 514 ล้านบาท
โบรกฯชี้โครงการรัฐไม่โดดเด่น
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ITD จัดอยู่ในบริษัทที่มีหนี้สินค่อนข้างมาก ตัวหุ้นจึงไม่มีความน่าสนใจมากนัก
ขณะที่โปรเจคภาครัฐก็ไม่ได้มีความโดดเด่น หากนักลงทุนจะเลือกเข้ามาลงทุนในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มองว่าหุ้นอื่นเช่น CK มีความน่าสนใจมากกว่า ส่วน ITD ค่อนข้างมีความเสี่ยงอยู่
“หุ้น ITD ยังไม่มีสตอรี่เด่นให้น่าสนใจเข้าไปลงทุน เหมือนกับหุ้นตัวอื่นๆ ส่วนผลประกอบการที่ผ่านมาค่อนข้างแย่มาตลอด ขาดทุนมาตลอด มีปีนี้ที่มีกำไรสุทธิเป็นบวกได้ประมาณ 300 กว่าล้านบาท แต่ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ได้เยอะมากมาย”
ทั้งนี้ ITD มีผลกำไรขาดทุนค่อนข้างมากทุกปี ในอนาคตก็ยังเป็นหุ้นที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งในตลาดหุ้นไทยนักลงทุนก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้น ITD มากเท่าไร รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็ค่อนข้างเข้าไปลงทุนได้ค่อนข้างยากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หุ้น ITD ตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาสตอรี่เดียวที่นักลงกล้าเข้าไปเล่น คือ กรณีช่วงโครงการเหมืองโปแตซ แค่นั้นที่เข้ามาลงทุนได้แค่รอบเดียว และหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเรียกว่าไม่มีความน่าสนใจ หรือเรียกได้ว่า ไม่สดใส เพราะโดยภาพรวมยังคงไม่น่าลงทุนเท่าไร