‘พลังงาน’ จับตาวิกฤติทะเลแดง รับมือผลกระทบราคาน้ำมัน
“พลังงาน” ย้ำ มีคณะอนุวิกฤติพลังงาน จับตาสถานการณ์โจรสลัดฮูตีโจมตีเรือพาณิชย์ขนส่งผ่านทะเลแดงใกล้ชิด รับไม่กระทบสต็อกน้ำมัน หวังสัปดาห์หน้า สหรัฐ ผนึกพันธมิตรเจรจาสำเร็จ มองหากยืดยื้อกระทบราคาน้ำมันสูงขึ้นระดับ 50 สตางค์ต่อลิตร
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากปัญหาโจรสลัดฮูตีโจมตีเรือพาณิชย์ขนส่งผ่านทะเลแดง ในขณะนี้เท่าที่ทราบยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย โดยยังสามารถจัดหาน้ำมันจากแหล่งอื่นได้ แต่หากยืดเยื้อก็อาจกระทบต่อราคาน้ำมันตลาดโลก และค่าขนส่ง ซึ่งตอนนี้ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเล็กน้อย
“กระทรวงพลังงาน มีคณะอนุวิกฤติพลังพลังงาน โดยมีนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และได้มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ยังสามารถบริหารจัดการได้” นายวัฒนพงษ์ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ทะเลแดงถือเป็นช่องทางในการขนส่งสำคัญ หากยืดยื้อราคาลำเรือแพงเพราะต้องไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮปทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาแทน จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นการขนส่งน้ำมันก็จะช้าลงตามไปด้วย ส่วนเรื่องของการขาดแคลนตงไม่ขาดเพราะทุกประเทศมีการสำรองน้ำมันเพียงพออยู่แล้ว
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันตลาดโลกจะมี 2 ปัจจัยหลักคือ ผู้ผลิต และต้นทุนภาคขนส่ง ซึ่งนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า สหรัฐฯ เตรียมเข้าเจรจาและคาดว่าอาทิตย์หน้าจะทราบผลว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ สหรัฐฯ ได้ตั้งขุมกำลังหนึ่งร่วมกับพันธมิตรเพื่อขับไล่โจรสลัดฮูตีออกจากพื้นที่ หวังว่าจะจบเพราะจะกลายเป็นต้นทุนที่สูงขึ้น
“การขาดแคลนพลังงานคงไม่ขาดคลน ส่วนต้นทุนแล้วแต่ประเทศที่นำเข้า ซึ่งประเทศไทยน่าจะเพิ่มขึ้นราว 50 สตางค์ต่อลิตร จึงต้องดูเรื่องของต้นทุนของผู้นำเข้าอีกทีว่าจะเลือกอ้อมไปช่องทางไหน เพราะหากทุกคนไปช่องแคบเดียวกันหมด ที่ต้องใช้เวลานานขึ้นก็จะทำให้ต้นทุนลำเรือสูงขึ้น”
ทั้งนี้ ต้นทุนจะเท่าไหร่ก็ยังไม่ชัดเจน เพราะจะต้องนำราคาน้ำมันดิบมาบวกกับการกลั่นเพื่อเป็นเบนซินหรือดีเซล แต่ที่เห็นชัดคือ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปรับขึ้นมาแล้วระดับ 3-4 ดอลลาร์ ดีเซลตลาดโลกขึ้นมาเกือบ 10 ดอลลาร์ เกือบกลับมาที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้น ช่วงปีใหม่ที่คู่ค้าน้ำมันจะตรึงราคาน้ำมัน 10 วัน ก็จะแบกภาระตรงนี้ด้วย เพราะช่วงนี้จะไม่ลงง่าย ๆ ยกเว้นจะหารือกันรู้เรื่อง
“ปัญหานี้จะไม่กระทบเหมือนกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันโดยตรง ดังนั้น ราคาจะไม่กระทบมากนัก เพราะเป็นปัญหาต้นทุน ซึ่งจะกระทบในระยะสั้น เพราะจะมีคู่แข่งมาทำให้ราคาถูกลง เหมือนกับสินค้าจำเป็นในช่วงแรกที่ราคาสูง และเพื่อให้แข่งขันได้ก็จะมีผู้ค้าเข้ามาทำให้ราคาลงทุน” แหล่งข่าว กล่าว