เจรจา FTA ไทยไปต่อแม้ขาดดุลจีน เฉียด3หมื่นล้านดอลลาร์

โดยเป็นการ ส่งออกไปจีน 28,925.32 ล้านดอลลาร์ แต่ ไทยนำเข้าจากจีน 58,698.95 ล้านดอลลาร์ ทำให้ ไทยขาดดุลการค้า 29,773.63 ล้านดอลลาร์ สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญไปจีน 10 อันดับ ได้แก่ ทุเรียนสด (HS 081060) ผลิตภัณฑ์ยาง สังเคราะห์ผสมยาง ธรรมชาติ (HS 400280) มันสำปะหลัง (HS 071410) ไม้อื่น ๆ ที่เลื่อย หรือถากตามยาว (HS 440729) ยางธรรมชาติ TSNR (HS 400122) สตาร์ชทำจาก มันสำปะหลัง (HS 110814) น้ำตาลอื่น ๆ ที่บริสุทธิ์ในทางเคมี (HS 170290) หน่วยเก็บ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ (HS 847170) ผลไม้และลูกนัตดิบหรือสุก (HS 081190) โพลิเมอร์ ของเอทิลีน (HS 390140)

ขณะที่ สินค้านำเข้าสำคัญจากจีน 10 อันดับ ได้แก่ สมาร์ทโฟน (HS 851713) ยาน ยนต์ที่ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (HS870380) แล็ปท็อป โน้ตบุ๊ก (HS 847130) ของอื่น ๆ ทำด้วยเหล็ก หรือเหล็กกล้า (HS 732690) ธาตุเคมีที่โด๊ปแล้วสำหรับใช้ในทางอิเล็กทรอนิกส์ (HS 381800) วงจรพิมพ์ (HS 853400) วงจรรวมที่ใช้ในทางอิเล็กทรอนิกส์ (HS 854239) ผลิตภัณฑ์แผ่นรีดทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้าไม่เจืออื่น ๆ (HS 721049) ของอื่น ๆ ทำด้วยพลาสติก (HS 392690) แผงควบคุมกระแสไฟฟ้า (HS 853710) แม้การค้าผ่านความตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยเฉพาะกับจีนจะเป็นสาเหตุของการขาดดุลการค้าแต่FTA ก็ยัง เป็นแต้มต่อที่สำคัญสำหรับการค้าของไทยที่มีสัดส่วนต่อเศรษฐกิจประเทศถึง 70%

ข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ปัจจุบัน ไทยมีFTA) ที่มีผลใช้บังคับแล้ว 14 ฉบับ 3 ประเทศคู่ FTA ได้แก่ อาเซียน (9) จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เปรู ชิลี และฮองกง 18 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ปี 12567 จะสามารถสรุปการเจรจาได้เพิ่มเติม FTA กับ ไทย-ศรีลังกา ซึ่งขณะนี้สรุปผลการเจรจาแล้ว และคาดว่าจะสามารถลงนามได้ภายในช่วงต้นเดือนก.พ. 2567 ซึ่ง สินค้าที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ ยานยนต์ สิ่งทอ อัญมณี โลหะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ เหล็ก กระดาษ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง อาหารสัตว์ เมล็ดข้าวโพดบริการที่ได้รับประโยชน์อาทิ การเงิน ประกันภัย คอมพิวเตอร์ ก่อสร้าง ท่องเที่ยว วิจัยและพัฒนา และการลงทุนที่ได้รับประโยชน์ได้แก่ การลงทุนในสาขาการผลิต อาหารแปรรูป การผลิตรถยนต์และส่วนประกอบ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ ส่วนอิเล็กทรอนิก แบตเตอรี่ อุปกรณ์การแพทย์ สำหรับ FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ 1.ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) - สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) สมาชิก 4 ประเทศ : นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และไอซ์ แลนด์) ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรอบที่ 8 ในระหว่างวันที่ 29 ม.ค. - -2 ก.พ. 2567 ณ กรุงเทพ และตั้งเป้า สรุปผลการเจรจาในเดือนเม.ย. 2567

2.ไทย-สหภาพยุโรป (EU) สมาชิก EU 27 ประเทศ ประกอบด้วย : ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย ไซปรัส เช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย สโลวะเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน และโครเอเชีย ไทยจะเป็นเจ้า ภาพการประชุมเจรจารอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค. 2567 ณ กรุงเทพ ตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาในปี 2568
 

ด้านแผนการเปิดเจรจา ปี 2567 ได้แก่ ไทย-เกาหลีใต้อยู่ระหว่างการหารือเป้าหมาย คาดว่าจะ สามารถประกาศเปิดการเจรจา จัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement : EPA) ไทย-เกาหลีใต้ อย่างเป็น ทางการในช่วงต้นปี 2567 และ ไทย-ภูฏาน อยู่ระหว่างการหารือเป้าหมาย: คาดว่าจะเปิดการเจรจาในไตรมาส 1 ของปี 2567

ช่วงปี 2566 (ม.ค.-ต.ค.) มีการส่งออก ภายใต้สิทธิ FTA สัดส่วน 82.84% ของ มูลค่าการส่งออกแม้จะไม่เต็มร้อยแต่ข้อมูลนี้ชี้ว่า FTA เป็นแต้มต่อทางการค้าที่สำคัญ ของไทยการเร่งเปิดแนวรบการค้าใหม่เป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศที่ สำคัญ