พาณิชย์เตรียมดัน“ปลา 2 สายพันธุ์ "จ.ยะลา เป็นสินค้าจีไอ
กรมทรัพย์สินทางปัญญาลงพื้นที่ส่งเสริมสินค้าจีไอ จังหวัดยะลา ผลักดัน “ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา” และ “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ตัวใหม่ของจังหวัด คาดช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและนำรายได้มาสู่พี่น้องชาวยะลาอย่างยั่งยืน
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ ลงพื้นที่จังหวัดยะลาเพื่อพบหารือเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยง “ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา” และ “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” เพื่อผลักดันร่วมกับจังหวัดขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ (GI) นำมาสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องชาวยะลา
โดย “ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา” เป็นปลาท้องถิ่นหายาก พบมากในลุ่มแม่น้ำปัตตานีและลุ่มแม่น้ำสายบุรี ของจังหวัดยะลา สามารถเลี้ยงด้วยระบบน้ำไหลจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ลักษณะเด่นคือลำตัวมีสีชมพู ครีบหลังและครีบหางเป็นสีแดง เนื้อปลามีลักษณะเนื้อนุ่มขาวเหมือนสำลี รสชาติหวานอร่อย เกล็ดมีสารคลอลาเจน จึงนิยมทานทั้งเกล็ด มีราคาสูงถึง 2,000 – 3,000 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วน “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” เพาะเลี้ยงมากในบริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรีของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีลักษณะเด่นคือส่วนหัวเล็ก ริมฝีปากบนและล่างเสมอกัน ลำตัวสีเทานวลจนถึงดำ เนื้อปลาแน่น สีขาวละมุน รสชาติหวาน ไม่มีกลิ่นโคลน เนื่องจากกระแสน้ำ ที่ไหลตลอดเวลาทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำสูงกว่าบ่อปลาทั่วไป ราคาขาย 90 – 100 บาทต่อกิโลกรัม
นายวุฒิไกร กล่าวว่า า กรมฯ ตั้งเป้าผลักดันให้ “ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา” และ “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดยะลา โดยคาดว่าทั้งสองสินค้าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นตัวแปรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเที่ยวจังหวัดยะลา สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป และสำหรับชุมชนใดที่สนใจจะขึ้นทะเบียน GI สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368