เปิดภารกิจ ‘คงกระพัน’ ว่าที่ CEO ปตท.คนใหม่ คุมแผนลงทุน 5 ปี 8.9 หมื่นล้าน
บอร์ด ปตท.อนุมัติ “คงกระพัน” นั่งซีอีโอ คนที่ 11 แทน “อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ที่ครบวาระ 4 ปี พ.ค.นี้ เผยภารกิจคุมงบลงทุน 5 ปี กว่า 8.9 หมื่นล้าน สร้างนิวเอสเคิร์ฟ ดันธุรกิจใหม่ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ สร้างอีโคซิสเต็ม “อีวี-แบตเตอรี่” โชว์ผลงานดัน “จีซี” ต่อยอดบริษัทพลังงานข้ามชาติ
Key points
- ปตท.บริษัทพลังงานแห่งชาติที่ดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานประเทศ สร้างรายได้ในปี 2565 กว่า 3 ล้านล้านบาท
- ภารกิจซีอีโอ ปตท.คนใหม่จะมาบริหารองค์กรที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 3.53 ล้านล้านบาท ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจพลังงาน
- ปตท.เตรียมงบลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างการหาโอกาสธุรกิจอนาคต 5 ปี ข้างหน้า กว่า 1 แสนล้าน
บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเมื่อได้ผู้มาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.คนที่ 11 โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท.วันที่ 25 ม.ค.2567 เห็นชอบให้นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.คนใหม่
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.คนที่ 11 จะเริ่มปฏิบัติงานบริหารการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาคุณสมบัติของนายคงกระพัน อินทรแจ้ง ตามกฎหมายแล้ว เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีลักษณะต้องห้ามในการเป็นกรรมการผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจและบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีมตินำเสนอคณะกรรมการ ปตท. ให้พิจารณา
สำหรับ กระบวนการสรรหาฯ จะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อนายคงกระพัน เจรจาค่าตอบแทนและข้อสัญญาจ้างกับคณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทนฯ หลังจากนั้น จะเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและลงนามสัญญาจ้าง และจะแต่งตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป
สำหรับนายคงกระพัน จะเข้ามาทำหน้าที่แทน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.ที่จะวาระ 4 ปี ในเดือน พ.ค.2567
ทั้งนี้ ปตท.ถือเป็นรัฐวิสาหกิจและเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติ โดยเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน โดยกระทรวงการการคลังถือหุ้น 51% ดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ มีรายได้ปี 2565 กว่า 3 ล้านล้านบาท
นายคงกระพัน นอกจากเป็นซีอีโอของ GC แล้วยังเป็นประธานกรรมการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) รวมทั้งเคยเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท.
นอกจากนี้ได้ผลักดันให้ GC เป็นบริษัทข้ามชาติด้านพลังงานของไทย ซึ่งติดอันดับ Fortune Global 500 และเมื่อปี 2564 ได้ลงทุน 140,000 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ Allnex Holding GmbH เพื่อต่อยอดธุรกิจของ GC โดยเฉพาะเพิ่มความหลากหลายของเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ รวมถึงต่อยอดตลาดเอเชียแปซิฟิกและตลาดเกิดใหม่
รวมทั้งได้ผลักดันการลดคาร์บอน โดยจะปรับพอร์ตการดำเนินธุรกิจเพื่อลดปริมาณคาร์บอน 25% และปรับปรุงโรงงานโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี CCS เพื่อกักเก็บปริมาณคาร์บอน ตั้งเป้าการเป็น Together to Net Zero ภายในปี 2050
ดูแลแผนลงทุน 5 ปี 8.9 หมื่นล้าน
นอกจากนี้ซีอีโอ ปตท.จะเข้ามาบริหารองค์กรที่มีสินทรัพย์รวม 3.53 ล้านล้านบาท โดยผลดำเนินการในช่วง 9 เดือน แรกของปี 2566 มีรายได้รวม 2.35 ล้านล้านบาท กำไรสุทธิ 79,258 ล้านบาท
ในขณะที่แผนการลงทุนช่วง 5 ปี (2567-2571) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ปตท.วันที่ 21 ธ.ค.2566 ครอบคลุมการของลงทุนของ ปตท.และบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% วงเงินรวม 89,203 ล้านบาท ผ่านใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย
1.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ วงเงินลงทุนรวม 30,636 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 34% ของงบลงทุนรวม
2.ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ วงเงินลงทุนรวม 14,934 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 17% ของงบลงทุนรวม
3.ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย วงเงินลงทุนรวม 3,022 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 4% ของงบลงทุนรวม
4.ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ วงเงินลงทุนรวม 12,789 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 14% ของงบลงทุนรวม
5.การลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% วงเงินลงทุนรวม 27,822 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 31% ของวงเงินลงทุนรวม
สำหรับแผนการลงทุนดังกล่าวรองรับการลงทุนธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณ 51% โดยมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8
รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5
เร่งแผนลงทุน“อีวี-แบตเตอรี่”
รวมทั้งเพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ปตท. “Powering life with future energy and beyond” ยังได้ลงทุนในธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% อาทิ
โครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เช่น โครงการ EVme ซึ่งให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Horizon Plus
โครงการการลงทุนในธุรกิจโรงงานประกอบแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยี Cell- To-Pack (CTP) รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3
นอกจากนี้ ปตท.เตรียมงบลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ระยะ 5 ปี ข้างหน้า 106,932 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงาน อาทิ
ขยายการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition Fuel) โดยมุ่งเน้นการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติและการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งการขยายการลงทุนของธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายในการสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์ รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การลงทุนในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ (Life science)
รวมถึงธุรกิจยา ธุรกิจโภชนาการและอุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์ธุรกิจ AI & Robotics เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำการให้บริการด้าน AI & Robotics ในอนาคต ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานโดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของประเทศ
“คงกระพัน”เฉือนผู้สมัครอีก 4 คน
สำหรับการบรรหา CEO ปตท.ครั้งนี้มีผู้ยื่นสมัครทั้งหมด 5 คน โดยผู้สมัครอีก 4 คน ประกอบด้วย
- นายบุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
- ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
- นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
- นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
ทั้งนี้ การสรรหาจะต้องดำเนินการก่อนครบวาระ 6 เดือน โดยผู้เข้ารับการสรรหาจะต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร, มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์
รวมถึงมีวิสัยทัศน์ทางด้านธุรกิจพลังงาน ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่อง มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ และคณะกรรมการสรรหาได้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2567