‘เศรษฐา’ เตรียมประกาศแผนใหญ่ มี.ค.นี้ อัปเกรดไทยสู่ ‘ฮับการบินภูมิภาค’
"เศรษฐา" เตรียมประกาศแผนใหญ่ไทยฮับการบิน มี.ค.นี้ เล็งลดค่าแลนด์ดิ้งฟรี เพิ่มค่าปรับไฟลต์ดีเลย์ เพิ่มอัตราการต่อเครื่อง พร้อมประกาศแผนลงทุนเพิ่มเติมหลายสนามบินในประเทศ
เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ (29 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน TNN DINNER TALK Thailand Level Up อัปเกรดประเทศไทย ณ ห้องแมกโนเลีย บอลรูม ชั้น 10 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ตอนหนึ่งว่าในเดือนมี.ค.นี้รัฐบาลจะประกาศแผนยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น “ฮับการบินของภูมิภาค” (Aviation upgrade) ครั้งใหญ่
ซึ่งประกอบไปด้วยแผนการก่อสร้างสนามบินใหม่ และปรับปรุงสนามบินเดิมทั่วประเทศทั้งสนามบินในภาคใต้ เช่น สนามบินภูเก็ต และสนามบินภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ รวมไปถึงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 และ 4 ของสนามบินสุวรรณภูมิ รวมไปถึงการเปิดใช้เทอร์มินอล สุวรรณภูมิ ของสนามบินสุวรรณภูมิที่เริ่มเปิดใช้ อาคารผู้โดยสารใหม่ SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เปิดใช้ 2566 รวมไปถึงการปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ของสนามบินอีกหลายแห่งในการให้บริการแก่ผู้โดยสารด้วย
“สนามบินสุวรรณภูมิได้มีการออกแบบให้มีอุโมงค์ไว้ 2 อุโมงค์ที่จะเชื่อมไปยังอาคารผู้โดยสารใหม่ ซึ่งทำให้เวลามีการก่อสร้างเส้นทางที่จะเดินทางผ่านรันเวย์มาไม่ต้องมีการปิดรันเวย์เพื่อก่อสร้าง ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่รัฐบาลไทยรักไทยได้วางไว้ ทำให้ไม่สูญเสียรายได้ในการที่เครื่องบินจะขึ้นลงในเวลาที่มีการก่อสร้าง จึงมีความพร้อมที่จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมตามแผนที่วางไว้”
สำหรับการวางแผนให้มีนักท่องเที่ยว และผู้โดยสารมาใช้บริการสนามบินในประเทศไทยเพิ่มขึ้นตนได้ให้แนวคิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายในส่วนของค่าลงจอดอากาศยาน (Landing Fee) กับค่าปรับกรณีลงจอดล่าช้า ซึ่งประเทศไทยคิดค่า Landing Fee สูงแต่ค่าปรับการลงจอดช้าต่ำ ซึ่งตรงนี้ต้องปรับเปลี่ยนสลับกันเป็นการคิดค่า Landing Fee ให้ต่ำ แต่คิดค่าปรับลงจอดช้าหรือดีเลย์ให้แพงขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็สามารถดึงดูดเครื่องบินมาลงที่สนามบินเพิ่มขึ้น และจูงใจให้คนมาใช้บริการสนามบินในไทยมากขึ้น
อีกส่วนหนึ่งคือ การเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเครื่องต่อเที่ยวบิน (Transit) ของผู้โดยสาร ซึ่งการ Transit ของผู้โดยสารในไทยยังน้อยอยู่มาก เช่น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในปีที่มีผู้โดยสารสูงถึง 40 ล้านคน มีอัตราการ Transit แค่ 1.5% ขณะที่สนามบินชั้นนำอื่นๆ อยู่ที่ 20 – 30% มากกว่าหลายเท่าตัว
ซึ่งหากทำให้มีการมาต่อเครื่องบินในบ้านเรามากขึ้น ก็จะเห็นความคืบหน้าในการพัฒนาสนามบินของเรา เห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในสนามบินของเรา เห็นเทคโนโลยีที่จะมาใช้ในสนามบินมากขึ้น ในที่สุดในการแพลนการเดินทางครั้งต่อไปก็จะอยากเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ และรัฐบาลจะประกาศแผนภาพรวมให้ได้เห็นทั้งหมดในเดือนมี.ค.นี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์