กรมทรัพย์สินทางปัญญาลงพื้นที่แหล่งผลิต ตรวจคุณภาพสินค้าจีไอ เชียงราย
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการ “กาแฟดอยช้าง -สับปะรดภูแล เชียงราย” ตรวจรับรองระบบควบคุมตรวจสอบสินค้า ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาดแก่สินค้า จีไอแปรรูป
นางสาวกนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ได้นำทีมลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมพบหารือเกษตรกร “กาแฟดอยช้าง” พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาด “สับปะรดภูแลเชียงราย” สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือสินค้า จีไอของเชียงราย เพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูป
ปัจจุบันจังหวัดเชียงราย มีการขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอ ทั้งสิ้น 8 สินค้า ได้แก่ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง ชาเชียงราย สับปะรดภูแลเชียงราย สับปะรดนางแล เครื่องเคลือบเวียงกาหลง ข้าวก่ำล้านนา และข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะ “กาแฟดอยช้าง” ที่ขึ้นทะเบียนจีไอในสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 2558 และล่าสุดขึ้นทะเบียนจีไอในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2566 และที่ผ่านมาสามารถสร้างมูลค่าทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 38.5 ล้านบาทต่อปี
โดยครั้งนี้ กรมฯ ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยตรวจรับรอง (Certification Body) ที่ได้รับการรับรองระบบตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือมาตรฐาน ISO 17065 : 2012 เพื่อตรวจรับรองระบบควบคุมตรวจสอบสินค้ากาแฟดอยช้างให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ในด้านการส่งเสริมการตลาด การรักษาควบคุมคุณภาพสินค้า และการป้องกันการละเมิดให้กับสินค้ากาแฟดอยช้างอีกด้วย
นอกจากนี้ ได้พบหารือนายอำนาจ ตันตระกูล ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสับปะรดอำเภอเมืองเชียงราย (สวน ต.ตระกูล) เกี่ยวกับสถานการณ์การจำหน่ายสับปะรดในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้ผลิตสับปะรดภูแลเชียงรายและสับปะรดนางแลแล้ว ยังได้นำสินค้าจีไอ ดังกล่าวไปต่อยอดสร้างโอกาสทางการตลาด และเป็นจุดเริ่มต้นในการเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปเป็นซอสพริกสับปะรดภูแล สอดคล้องกับนโยบายของนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าจีไอผ่านการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในมิติต่างๆ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูแลเชียงรายอย่างยั่งยืนต่อไป
“กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีภารกิจสำคัญทั้งด้านการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ด้านรักษาควบคุมคุณภาพ และด้านส่งเสริมการตลาด โดยสำหรับสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ กรมฯ จะผลักดันให้ได้รับการตรวจรับรองระบบควบคุมตรวจสอบสินค้าจีไอให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าจีไอและความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น”
นางสาวกนิษฐา กล่าวว่า กรมฯ จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยมีตราสัญลักษณ์ จีไอไทย เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพและมาตรฐานสินค้าจากแหล่งพื้นที่เพาะปลูกโดยตรง โดยผลักดันสินค้าที่ขึ้นทะเบียนจีไอ แล้ว เข้าสู่ระบบควบคุมตรวจสอบคุณภาพสินค้า เพื่อรักษามาตรฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ จีไอ ที่สนใจจัดทำระบบควบคุมคุณภาพ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368