ตรุษจีน 2567 ตลาดเชียงใหม่คนซื้อของไหว้คึกคัก

ตรุษจีน 2567 ตลาดเชียงใหม่เริ่มคึกคักหลังคนไทยเชื้อสายจีนเริ่มทยอยออกมาซื้อของไหว้ เทศกาลตรุษจีนปีนี้ ด้านแม่ค้าในตลาดเผยดีใจยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติ ขณะที่ราคาของไหว้ เป็ด ไก่อบ หมูต้มและผลไม้ ปีนี้ยังไม่ต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก พร้อมวอนภาครัฐช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ตลาดวโรรสวันนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักต้อนรับเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึง ช่วงวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 67 โดยบรรยากาศช่วงเช้าที่ผ่านมาเต็มไปด้วยสีสันของเทศกาล ร้านค้าต่างตกแต่งร้านเป็นธีมตรุษจีนอย่างสวยงาม ประชาชนเริ่มเดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก

นางสาวนิศารัตน์ แม่ค้าขายเนื้อตุ๋นภายในตลาดให้ความเห็นเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนปีนี้ว่า ปีนี้ถือว่าคึกคักกว่าปีที่แล้ว ลูกค้ายังเหนียวแน่น โดยลูกค้าที่มาซื้อสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน มาซื้ออาหารมงคลไว้สำหรับสักการะบูชาเทพเจ้าต่างๆ ซึ่งอาหารมงคลส่วนใหญ่ที่ประชาชนนิยมซื้อจะเป็น เป็ด ไก่อบ และหมูต้ม

- เป็ดจะอยู่ที่โลละ 480 บาท

- ไก่อบจะอยู่ที่โลละ 300 บาท

- หมูต้มจะอยู่ที่โลละ 400 บาท

ซึ่งถือเป็นราคาที่ประชาชนสามารถจับต้องได้ โดยประชาชนส่วนใหญ่จะนิยมซื้อแบบเป็นชุด นำไปเก็บไว้ถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน “วันไหว้” เนื่องจากเป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ไม่เน่าเสียง่าย

โดยช่วงตรุษจีนปีนี้ก็ถือว่าคึกคักกว่าทุกเทศกาลที่ผ่านมา นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด 19 มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนสินค้ามากขึ้นทำให้การค้าขายยังพอที่จะดำเนินต่อไปได้

ด้านการค้าขายผลไม้มงคล ป้ากุ้ง เจ้าของร้านเจ้กุ้งผลไม้ ได้ให้ความเห็นว่า ในช่วงนี้การค้าขายผลไม้มงคล ยังถือว่าเงียบเหงาเนื่องจากยังไม่ถึงช่วงเทศกาล และเนื่องด้วยผลไม้เป็นสินค้าที่เสียง่าย และด้วยเหตุผลส่วนตัวคิดว่าเทศกาลตรุษจีนปีนี้อาจไม่เป็นที่นิยมเท่าปีก่อน ๆ ผู้คนจึงไม่นิยมออกมาซื้อมากนัก

โดยประเภทของผลไม้มงคลมีดังนี้ ส้ม แอปเปิ้ล สาลี่ กล้วย แก้วมังกร องุ่น โดยราคาผลไม้ดังกล่าวมีตั้งแต่ราคาโลละ 25-85 บาท แล้วแต่ประเภทของผลไม้ ซึ่งถือว่าเป็นเรทราคาที่ขายเท่าช่วงปกติ โดยตนคาดว่าในช่วงเทศกาล อาจจะมีลูกค้ามาซื้อผลไม้มงคลเพื่อไปถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ในเรื่องของเศรษฐกิจในช่วงตรุษจีนปีนี้กลุ่มแม่ค้ามองว่า เศรษฐกิจในช่วงนี้ยังอยู่ในระดับที่แย่ จากที่เคยมีรายได้ตอนนี้กลับไม่เหลือรายได้เลยถึงแม้จะเป็นช่วงเทศกาล โดยเฉพาะสินค้าประเภทผลไม้ เพราะผลไม้เป็นสินค้าที่เสียหายเร็ว

 

และถ้าสินค้าเสียหายมันก็เหมือนกับว่าเอาเงินไปทิ้งแบบวันชนวัน เลยอยากวอนขอภาครัฐช่วยลงมาดูสถานการณ์จริง ว่าการค้าขายเวลานี้มันเป็นอย่างไรและอยากให้ช่วยหาทางแก้ไขให้กับประชาชน